คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง สินค้าปลอม (ตอนที่ ๓-จบ)
โดย กาหลิบ
อีกสี่มาตรการของโครงการประชาวิวัฒน์ ที่ช่วยเร่งให้ “ประชาวิบัติ” กันทั้งชาติบ้านเมือง เหลือไว้แต่คนข้างบนและขี้ข้าสอพลอไม่กี่ตน ที่หวังจะร่ำรวยกันเฉพาะชนชั้นและกลุ่มพวกของตนเพียงถ่ายเดียว มีดังนี้:
“๖. ลดการจัดเก็บค่าไฟกับผู้ใช้ต่ำกว่า ๙๐ หน่วยแบบถาวร ไม่ใช้เงินภาษี แต่จะปรับการจัดเก็บค่าธรรมเนียม ใครใช้ไฟฟ้ามากก็จ่ายมาก”
เรื่องนี้ต้องพูดตรง จะกระเทือนซางใครบ้างก็ต้องทนเอาเอง จำได้ไหมว่ามรสุมการเมืองลูกแรกที่โถมเข้าใส่รัฐบาลทักษิณจนขยายกลายเป็นเครือข่ายกาลีเมืองที่มีชื่อว่าพันธมิตรฯ นั้นคืออะไร?
ก็กรณีนโยบายแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่มีชื่อว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยหรือ กฟผ. นั่นไง
คำว่า ขายชาติ ที่เอามาป้ายตัวนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งและรัฐบาลของประชาชน ก็เริ่มต้นตั้งแต่คราวนั้นมาจนถึงสมัยหลังๆ และการรัฐประหาร
กฟผ. แปรรูปไม่ได้เพราะเป็นที่ทำการของเหลือบประเทศที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง พูดเช่นนี้ก็มิได้หมายว่าเจ้าหน้าที่และพนักงานทุกคนของ กฟผ. เลวหมดหรือเป็นส่วนหนึ่งของการฉ้อโกงเชิงนโยบายภายใต้หน่วยงานนี้ทั้งหมด แต่คนข้างบนของเมืองไทย และคนระดับบนของ กฟผ. เขาร่วมมือร่วมเท้ากันมาตั้งแต่เป็นการไฟฟ้ายันฮีในยุค นายเกษม จาติกวณิช ที่จะผูกขาดการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ที่ใช้ปูนซีเมนต์มากและต้องการควบคุมกิจการไฟฟ้าของชาติให้อยู่ในมือตัวเองอย่างสมบูรณ์ เพราะเขารู้ดีว่าอำนาจควบคุมนี้จะทำให้ทุกคนในประเทศต้องเป็นข้าทาสบริวารในยุคใหม่ของเขา ใครบ้างที่อยู่ได้โดยไม่ใช่ไฟฟ้าเลยในยุคสมัยนี้?
รัฐบาลทักษิณจึงมุ่งแก้ไขที่ต้นตอของปัญหาไฟฟ้า คือตัว กฟผ. แต่ถูกทำลายอย่างเลือดเย็นและเป็นระบบจนแทบจะหมดสิ้นไป แต่มาถึงรัฐบาลขี้ข้าศักดินา-อำมาตย์ในยุคนี้ กลับเอาสินบนเล็กๆ น้อยๆ มาจูงใจลูกค้าไฟฟ้าให้รู้สึกว่าชีวิตของตัวเองจะดีขึ้นทั้งๆ ที่แอบไปขึ้นราคาเอาทางค่า FT ในขณะที่มุ่งรักษาความร่ำรวยมหาศาลและสวัสดิการแบบอภิสิทธิ์ชนของคนใน กฟผ. เอาไว้อย่างไม่ปล่อยมือ
แล้วผู้ที่เริ่มต้นธุรกิจขนาดจิ๋ว เล็ก และกลางเล่า? รัฐบาลที่คุยโม้ว่าจะส่งเสริมให้เขาสร้างธุรกิจใหม่เพื่อชาติ เหตุใดจึงมาเพิ่มต้นทุนค่าไฟของเขาเอาดื้อๆ ในช่วงใกล้เลือกตั้ง?
รวมความแล้วนโยบายนี้เป็นยุทธวิธีการเลี่ยงประเด็นที่สำคัญโดยวิธีติดสินบนมวลชน
“๗. หาทางลดต้นทุนภาคการเกษตร โดยเฉพาะอาหารสัตว์และพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ปรับรูปแบบไข่ไก่ขายโดยการชั่งกิโล” และ
“๘. กรณีราคาไข่ไก่ จะนำร่องซื้อขายเป็นกิโลกรัมเพื่อประหยัดค่าคัดแยกได้ถึง ๕๐ ส.ต. โดยเริ่มทดลองในเขตมีนบุรี”
นโยบายนี้จะทำเอาใจเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือซีพี ที่มีข่าวลอยลมมาว่าเป็นผู้อุดหนุนรายใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยในช่วงที่ “ไถนา” ก่อนการเลือกตั้ง ก็น่าจะบอกกันตรงๆ ได้ เห็นว่าเป็นนักเลงกันนักมิใช่หรือ?
ทุกๆ เรื่องที่เกี่ยวกับไก่และไข่ไทยทุกวันนี้ เด็กอมมือก็รู้ดีว่าอยู่ในมือและเท้าของซีพีอย่างครบวงจรแล้ว ตั้งแต่พันธุ์ไก่ ยาไก่ อาหารไก่ เล้าไก่ เทคโนโลยีเลี้ยงไก่ เชือดไก่ จนถึงการขายไก่ในตลาดประเภทต่างๆ ตั้งแต่ขายส่งขายปลีกในตลาดสด ถึงเซเว่นอิเลเว่น และส่งออกไก่ไปต่างประเทศ ไม่มีทางใดที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายทำนองแล้ว ซีพีจะเสียประโยชน์ แถมงานนี้ยังเห็นได้ชัดว่า ได้รับประโยชน์มหาศาลในการทำลายผู้ค้ารายย่อยที่เป็นก้างขวางคอในนโยบายผูกขาดของซีพีอีกต่างหาก
ค่าคัดแยกนั้นเป็นต้นทุนก็จริง แต่เป็นวิธีกระจายรายได้อย่างหนึ่งของประชาชนที่ยากจน และเป็นรายได้ส่วนที่ซีพีเอื้อมเข้ามาไม่ถึง รัฐบาลชุดนี้จึงช่วยกระทืบประชาชนเพื่อช่วยพ่อค้าที่ร่ำรวยจนชาติหน้าและชาติไหนก็ใช้ไม่หมดอยู่แล้ว
“๙. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ตั้งเป้าลดคดีให้ได้ ๒๐% ใน ๖ เดือน เพิ่มกล้องวงจรปิด-บุคลากร บูรณาการทำงาน”
นโยบายสุดท้ายนี่แทบไม่ต้องพูดถึง เหมือนลอกเอามาจากนโยบายที่ทุกรัฐบาลพูดต่อๆ กันมาอย่างนกแก้วนกขุนทอง โดยประชาชนรู้สึกเอือมระอาและนึกขำอยู่ในใจ
ใครเตรียมจะวิ่งเต้นขายกล้องและระบบวงจรปิดกับนักการเมืองและส่วนราชการนั้นก็ช่างเถิด ยังถือเป็นส่วนน้อย แต่การประกาศนโยบายโดยไม่วิเคราะห์ถึงสาเหตุของปัญหาทางสังคมและคนในระดับรากหญ้าของประเทศอย่างแท้จริง คือการอำพรางที่เลวร้ายยิ่งกว่า ว่า ไม่ได้มีความจริงใจต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนเลย นโยบายของรัฐบาลเลือกตั้งที่ชนะมาจริงๆ มิใช่แอบตีท้ายครัวประชาชนเหมือนการผสมรัฐบาลชุดนี้ เขาพูดเจาะจงลงไปเลยทีเดียวว่า จะแก้ไขปัญหาไหน และด้วยวิธีการใด เช่น การทำสงครามกับยาเสพติด เป็นต้น ซึ่งเป็นความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ที่ประชาชนยังจำติดตาและติดใจมาจนถึงทุกวันนี้
รวมความแล้ว “ประชาวิวัฒน์” ของรัฐบาลชุดนี้ ก็คือภาพสะท้อนของระบอบที่เขาดำรงอยู่ เท่านั้นเอง นั่นคือ
๑. สร้างภาพด้วยกระบวนการโฆษณาชวนเชื่อ
๒. นโยบายที่ทำแล้วไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรให้กระเทือนผลประโยชน์ศักดินา-อำมาตย์
๓. ป้อนยาระงับประสาทให้ประชาชนกินเป็นคราวๆ ไปโดยหวังผลในการควบคุมมวลชนทางการเมือง.
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : http://www.democracy100percent.blogspot.com/
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สนับสนุน "กาหลิบ" และทีมงาน สมัคร SMS-TPNews พิมพ์ PN กดส่งมาที่เบอร์ 4552146 สมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน Call center : 084-4566794-5 (จ.- ศ. 10.00-18.00น.)/e-mail : tpnews2009@gmail.com /บล็อก :http://wwwthaipeoplenews.blogspot.com/
เรื่อง สินค้าปลอม (ตอนที่ ๓-จบ)
โดย กาหลิบ
อีกสี่มาตรการของโครงการประชาวิ
“๖. ลดการจัดเก็บค่าไฟกับผู้ใช้ต่
เรื่องนี้ต้องพูดตรง จะกระเทือนซางใครบ้างก็ต้
ก็กรณีนโยบายแปรรูปรัฐวิสาหกิ
คำว่า ขายชาติ ที่เอามาป้ายตัวนายกรัฐมนตรี
กฟผ. แปรรูปไม่ได้เพราะเป็นที่
รัฐบาลทักษิณจึงมุ่งแก้ไขที่ต้
แล้วผู้ที่เริ่มต้นธุรกิจขนาดจิ
รวมความแล้วนโยบายนี้เป็นยุทธวิ
“๗. หาทางลดต้นทุนภาคการเกษตร โดยเฉพาะอาหารสัตว์และพ่อพันธุ์
“๘. กรณีราคาไข่ไก่ จะนำร่องซื้อขายเป็นกิโลกรัมเพื
นโยบายนี้จะทำเอาใจเครือเจริ
ทุกๆ เรื่องที่เกี่ยวกับไก่และไข่
ค่าคัดแยกนั้นเป็นต้นทุนก็จริง แต่เป็นวิธีกระจายรายได้อย่
“๙. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ตั้งเป้าลดคดีให้ได้ ๒๐% ใน ๖ เดือน เพิ่มกล้องวงจรปิด-บุคลากร บูรณาการทำงาน”
นโยบายสุดท้ายนี่แทบไม่ต้องพู
ใครเตรียมจะวิ่งเต้นขายกล้
รวมความแล้ว “ประชาวิวัฒน์” ของรัฐบาลชุดนี้ ก็คือภาพสะท้อนของระบอบที่
๑. สร้างภาพด้
๒. นโยบายที่ทำแล้วไม่ต้องเปลี่
๓. ป้อนยาระงับประสาทให้ประชาชนกิ
------------------------------
ที่มา : http://www.
------------------------------
สนับสนุน "กาหลิบ" และทีมงาน สมัคร SMS-TPNews พิมพ์ PN กดส่งมาที่เบอร์ 4552146 สมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน Call center : 084-4566794-5 (จ.- ศ. 10.00-18.00น.)/e-mail : tpnews2009@gmail.com /บล็อก :http://wwwthaipeoplenews.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น