by TPNews, 2011-01-15 21:01:32
คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง สินค้าปลอม (ตอนที่ ๑)
โดย กาหลิบ
ในสมัยก่อน ผู้บริโภคที่พบสินค้าปลอมแปลงอาจจะโยนของชิ้นนั้นทิ้งไปโดยไม่คิดอะไรมากและไม่คิดจะดำเนินการอะไรต่อ หน้าที่ในการแจ้งความดำเนินคดีเป็นของฝ่ายรัฐและผู้ที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ แต่บัดนี้ผู้บริโภคตระหนักในสิทธิของตนและอันตรายในการสินค้าหลอกลวงเช่นนี้มากขึ้น การประท้วงทวงสิทธิจึงเริ่มจะรุนแรงขึ้นและได้ก้าวหน้าไปถึงขั้นที่ลากคนที่เกี่ยวข้องมากระทืบเสียแทบเป็นภัสม์ธุลี
สินค้าปลอมแปลงล่าสุดที่ถูกส่งสู่ตลาดใหญ่ที่มีผู้บริโภคถึง ๖๕ ล้านคน และกำลังจะถูกประจาน ประณาม และชี้ถึงอันตรายอันใหญ่หลวง ก็คือนโยบายล่าสุดของรัฐบาลไทยปัจจุบัน ซึ่งเป็นกรรมต่อเนื่องของระบอบศักดินา-อำมาตยาธิปไตย ที่เรียกอย่างหรูว่าโครงการประชาวิวัฒน์และในชื่อจริงว่าโครงการเร่งรัดปฏิบัติการด่วนเพื่อคนไทยจำนวน ๙ ข้อ
๙ ข้อนี่แหละที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บอกว่าเป็นของขวัญปีใหม่จากรัฐบาลของเขาสู่ประชาชนผู้เสียภาษีอากร
ลองมาวิสัชนากันหน่อยปะไร แล้วจะรู้ว่าหาก ๙ ข้อนี่เป็นของขวัญ ก็ไม่ต่างอะไรจากซื้อเหล้าเป็นของขวัญในเทศกาลต่างๆ ซึ่งอาจจะลงท้ายด้วยอุบัติเหตุจราจรหรือเกิดอันตรายต่อสุขภาพของผู้รับขึ้นมาเฉยๆ
๑. “ให้ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคมได้รับสิทธิประโยชน์เจ็บป่วยเสียชีวิต รวมถึงเบี้ยชราภาพ หรือประชาชนจ่ายเงิน ๑๐๐/๑๕๐ บาทต่อเดือน จ่าย ๗๐ บาทรัฐสมทบ ๓๐ บาท หรือ จ่าย ๑๐๐ บาทรัฐสมทบ ๕๐ บาท กรณีหลังจะประกันกรณีชราภาพด้วย”
นายอภิสิทธิ์ฯ รู้หรือไม่ว่า โครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือโครงการ ๓๐ บาทรักษาทุกโรคของรัฐบาลที่นำโดย ดร.ทักษิณ ชินวัตรซึ่งเขาพยายามเลียนแบบเพื่อเอาคะแนนนิยมสู่พรรคประชาธิปัตย์นั้น เป็นโครงการที่มิได้แอบอิงทุนสะสมของกองทุนประกันสังคมเอาเลย ผู้ใดที่เอะอะก็คว้าเอาเงินในกองทุนประกันสังคมมาใช้ ผู้นั้นก็คือมนุษย์ลวงโลกที่สะสมปัญหาไว้ให้ลูกหลานเหลนโหลนไปแก้ไขในวันข้างหน้า
กองทุนประกันสังคมถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความรับผิดชอบร่วมกัน ๓ ฝ่ายคือระหว่างนายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐบาล เป็นเรื่องของความเป็นธรรมในหมู่ผู้สร้างงาน (productivity) ให้กับบ้านกับเมือง มิได้ออกแบบมารองรับสิทธิในการรับการรักษาพยาบาลในกรอบใหญ่ขนาดทั้งประเทศไทย
หากนายอภิสิทธิ์ฯ จะแย้งว่าตนจะใช้เงินกู้ยืมจากต่างประเทศและในประเทศ จะไม่แอบใช้ในกองทุนประกันสังคมเลย (ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้) ก็จะเดินตรงไปสู่ปัญหาที่สอง คือโยนเงินกู้ที่ต้องชำระคืนพร้อมดอกเบี้ยเข้าสู่ระบบสาธารณสุขแห่งชาติที่ยังฉ้อฉลและขาดประสิทธิภาพอย่างรุนแรง
รัฐบาลทักษิณจึงริเริ่มโครงการ ๓๐ บาท ซึ่งแท้ที่จริงคือ วิธีการใหม่ในการบริหารต้นทุนและการบริการของระบบสาธารณสุขของประเทศ หลักการที่สำคัญคือ ยึดเอาความพอใจและสิทธิของผู้ป่วยเป็นหลัก ไม่ใช่เอาผลประโยชน์และความสะดวกของโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์เป็นหลัก อย่างที่ทำมาตั้งแต่รัชกาลก่อนๆ หลังจากนั้นแต่ละสถานพยาบาลเริ่มเรียนรู้ที่จะพัฒนาระบบบริการเพื่อผูกใจคน เพื่อรักษา “ค่าหัว” ของผู้ป่วยแต่ละรายมารวมเป็นงบประมาณของตน
แต่วิธีการจอมปลอมของรัฐบาลอภิสิทธิ์ นอกจากจะทำให้เกิดระบบรักษาพยาบาลที่ด้อยประสิทธิภาพทั้งประเทศแล้ว ยังสิ้นเปลืองเงินทุนมหาศาลจากกองทุนประกันสังคม และเงินงบประมาณอื่นๆ จนอาจถึงขั้นทำให้กองทุนนั้นขาดทุนในระยะยาว รัฐบาลมีปัญหางบประมาณในระยะไกล ส่งผลกระทบถึงสิทธิของผู้ใช้แรงงานในทุกระดับและประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
ถ้าสื่อมวลชนและนักวิชาการส่วนใหญ่ของไทยยังมีมโนธรรมอยู่บ้าง ขอให้ไปติดตามผลการดำเนินการของนโยบายข้อนี้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการบริหารต้นทุนเอาเองเถิด แล้วจะเกิดสยองขวัญขึ้นเองว่าสิทธิของคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้กำลังจะถูกทำลายลงอย่างไร
ยังไม่ต้องพูดถึงความสามารถในการแข่งขันของชาติที่จะถูกกระหน่ำซ้ำเติมอย่างหนัก (ยังมีต่อ)
------------------------------------------------------------------------------------------------
สนับสนุน "กาหลิบ" และทีมงาน สมัคร SMS-TPNews พิมพ์ PN กดส่งมาที่เบอร์ 4552146 สมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน Call center : 084-4566794-5 (จ.- ศ. 10.00-18.00น.)/e-mail : tpnews2009@gmail.com /บล็อก : http://wwwthaipeoplenews.blogspot.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น