by TPNews, 2010-09-09 01:06:30
คอลัมน์ : เมืองไทยหรือเมืองใคร? เรื่อง : ภาษาซาอุ โดย : กาหลิบ
ความขัดแย้งระหว่างราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียเป็นกรณีประวัติศาสตร์ที่มีความแปลกประหลาดมากที่สุดกรณีหนึ่ง เพราะเกิดขึ้นจากคดีขโมยเพชร การดำเนินคดีที่ยอกย้อน ยักยอก และยืดเยื้อยาวนาน การสังหารนักการทูตอย่างโหดร้ายทารุณ มาตรการโต้ตอบทางการเมืองและเศรษฐกิจที่รุนแรง ฯลฯ ที่ไม่อาจแก้ไขได้จนบัดนี้
ล่าสุดนี้ รัฐบาลปัจจุบันของไทยยังเพิ่มความขัดแย้งขึ้นอีก เมื่อเออออกับมติแต่งตั้ง พลตำรวจโทสมคิด บุญถนอม ผู้บัญชาการตำรวจภาค ๕ ผู้ต้องหาร่วมกับพวกทั้งห้าในการคดีการหายตัวของ นายโมฮัมเหม็ด อัลรูไวลี่ นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบียตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๓๓ ให้เป็น ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนใหม่
คดีที่กำลังระเบิดใส่หน้าท่านว่าที่คนนี้ สำนักงานอัยการสูงสุดเห็นว่าหลักฐานที่กรมสอบสวนคดีพิเศษรวบรวมมานั้นเพียงพอและมีคำสั่งฟ้องแล้ว
แม้แต่ศาลก็นัดสืบพยานกันในวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ นี้แล้วด้วย
แต่มาบัดนี้ คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการตำรวจ ก็ออกมาพูดอย่างชัดเจนเป็นสาธารณะว่าคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยฯ พบว่าพลตำรวจโทสมคิดฯ ไม่มีความผิดและจะเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้นคือให้เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ทั้งที่มาตรา ๙๕ ของพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๗ บอกไว้ชัดเจนเป็นภาษาไทยว่าหลักปฏิบัติต่อตำรวจผู้เป็นจำเลยในคดีอาญาหรือคดีที่มีความผิดร้ายแรงนั้นจะต้องทำอย่างไร
ไม่ได้บอกให้ช่วยกันล้างความผิดและรีบเลื่อนตำแหน่งเป็นบำเหน็จรางวัลให้แน่
สถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียจึงออกแถลงการณ์ซึ่งมีความตอนหนึ่งว่า “...รู้สึกแปลกใจต่อความขัดแย้งระหว่างความหมายที่ชัดเจนใน พรบ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๗ กับการปฏิบัติของคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ...” และ “...ความทุ่มเทของทั้งสองประเทศในการสะสางคดีที่คงค้างในปัจจุบันเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศโดยตรงเกรงว่าจะประสบความล้มเหลว...”
หลังจากออกฉบับแรกไปเมื่อ ๓ กันยายน ๒๕๕๓ อีกสามวันต่อมาในวันที่ ๖ ก็ออกอีกหนึ่งฉบับด้วยน้ำเสียงและเนื้อหาที่ “แรง” กว่าเดิม
สถานเอกอัครราชทูตฯ รู้สึก “...กังขาว่าการแต่งตั้ง พลตำรวจโทสมคิด บุญถนอม ไม่เพียงแต่ละเมิดกฎหมายไทย แต่ยังขัดขวางโอกาสที่จะนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษตามกระบวนการยุติธรรมด้วย...”
และ “...ซาอุดีอาระเบียคาดหวังจะได้เห็นความโปร่งใส ยุติธรรม และการไม่แทรกแซงคดีนี้...”
ตามภาษาและท่าทีทางการทูต แถลงการณ์ฉบับแรกและฉบับที่สองซึ่งห่างกันเพียงสามวัน และเนื้อความในฉบับหลังที่ชี้ถึงพฤติกรรม “ขัดขวาง” กระบวนการยุติธรรมของทางการไทย และดักคอว่าอาจจะมีการ “แทรกแซงคดี” นั้น คือการแสดงออกที่ชัดเจนโดยไม่ต้องตีความว่าซาอุดีอาระเบียเข้าใจซาบซึ้งทีเดียวว่าเกิดอะไรขึ้นในห้วงเวลา ๒๐ ปีที่ผ่านมาจนกระทั่งบัดนี้
และหนักใจขนาดไหนที่จะคบค้าสมาคมกับไทยต่อไป
คิดแบบใจเขาใจเราดูบ้าง ถ้าคนของเราถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือคนเลวของประเทศอื่น แล้วพบว่ารัฐบาลของประเทศนั้นๆ ปกป้องคนเลวและแต่งตั้งคนเลวคนนั้นให้ดำรงตำแหน่งที่ก้าวหน้าขึ้น ทั้งที่เราประท้วงต่อต้านอย่างชัดแจ้งมาโดยตลอด เราจะรู้สึกอย่างไร จะอยากคบกับประเทศนั้นต่อไปหรือไม่
นี่ล่ะครับคือความเห็นแก่ตัว ใจดำ และโลกแคบของผู้มีอำนาจในเมืองไทยปัจจุบัน ไม่สนใจใครอีกแล้วในโลกนี้ นอกจากตัวเองและผลประโยชน์โดยตรงของตน ขนาดคนชั่วที่ตัวเองใช้ไปฆ่าฟันและทำลายล้างศัตรูทางการเมืองอย่างผิดกฎหมายก็ส่งเสริมได้อย่างหน้าด้านๆ
ไม่ต้องเอา กอ.รมน. มาเตรียมการปิดประเทศอย่างพม่าหรอกครับ เดี๋ยวนี้แค่หาคนที่เขาอยากคบไทยก็ยากแล้ว.
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
TPNews (Thai People News) : ข่าวสารสำหรับผู้รักประชาธิปไตย โดยทีมงานมืออาชีพ เที่ยงตรง ไม่บิดเบือน ส่งตรงถึงมือถือทุกวัน สมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน พิมพ์ PN ส่งมาที่เบอร์ 4552146 ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน Call center: 084-4566794-6 (จ.- ศ. 10.00-18.00 น.) e-mail : tpnews2009@gmail.com บล็อก : http://wwwthaipeoplenews.blogspot.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น