Jakrapob-รำลึกวีรชน19พ.ค.-ราชประสงค์

วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553

SMS-TPNews 30-8-53

1. "ผลเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ" (Wap Link)

2. "กษิต" เดินทางเยือน "มอนเตเนโกร" อย่างเป็นทางการวันนี้ (30 ส.ค.)

3. "กมม." อ้างเหตุแพ้ยับเยินลต."สก.-สข." เพราะพลังเงียบไม่ออกมาใช้สิทธิ์

4. "ผู้ที่ไม่ไปใช้สิทธิเลือกส.ก. 29 ส.ค.สามารถแจ้งเหตุผลที่สนง.เขตถึง 5 ก.ย."

5. "ดัชนีฯ ภาคเช้าปิดที่ 912.77+12.40 (+1.38%) มูลค่าการซื้อขาย 20,620.13ล."

6. "DSI" เผยอัยการสั่งสอบพนง.พิทักษ์ทรัพย์-กลต.เพิ่ม คดีไซฟ่อนเงินทีพีไอฯ"

7. "จตุพร"เผย"นพดล"เตรียมฟ้อง"ศิริโชค"กรณีพบ"วิคเตอร์ บูท"ใส่ร้าย"ทักษิณ"

8. "พท.ร้องนับคะแนนส.ก.ใหม่เขตคลองสามวา,ภาษีเจริญ,สายไหม,จอมทอง-พบผิดปกติ"

9. "ทนายนปช. ยื่นร้องสตช.ให้ฝากขังพันธมิตรฯ ทันทีที่มอบตัวเช่นเดียวกับนปช."

10. "เสื้อแดงเตรียมจัด"ช็อปช่วยชาติ" รำลึก 4 ปี "19 ก.ย." พร้อมกันหลายประเทศ"

----------------------------------------------------------------------------------------------------------

บทความ "สนามเล็กในระบอบใหญ่" โดย กาหลิบ


by TPNews, 2010-08-31 01:01:12

คอลัมน์ : เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง : สนามเล็กในระบอบใหญ่
โดย : กาหลิบ

วันนี้จำต้องสะท้อนถึงผลการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และสมาชิกสภาเขตกรุงเทพมหานคร (ส.ข.) ซึ่งเป็นชัยชนะทางตัวเลขอย่างขาดลอยของพรรคประชาธิปัตย์ ใครจะว่าซ้ำเติมกันอย่างไรก็ว่าเถิด

ขบวนประชาธิปไตยมาถึงขนาดนี้แล้ว พูดความจริงกันไม่ได้ ก็ควรไปเปิดกรวยอำนวยพรและกราบเท้ากันต่อไปให้มันเพลิดเพลินเจริญใจ อย่ามาเกะกะอยู่บนถนนสายปฏิวัติกับเขาเลย

ผลการเลือกตั้ง ส.ก. และ ส.ข. ครั้งนี้บอกอะไรกับเราบ้าง?

ผู้ที่กำลังหลงใหลใฝ่ฝันถึงการเลือกตั้ง กระหายใคร่เลือกตั้งใหญ่โดยเร็วที่สุด โปรดนำผลนี้มาพิจารณาสักหน่อย

บางคนกำลังฝันหวานว่าจะได้เลือกตั้งกันเร็วๆ นี้แล้ว ไม่กุมภาพันธ์ปีหน้าก็เร็วกว่านั้น วันนี้จึงจำเป็นต้องระดมทุนมาฟื้นฐานเสียงและวางยุทธวิธีกันแต่เนิ่นๆ ในระยะตกเขียวของคนที่ไม่มีอาชีพอย่างอื่นรองรับ ไม่น่าแปลกใจที่มีข่าว “แพ็คเกจคู่ ๘๐ ล้าน” หรืออะไรออกมาให้วุ่นวายไปหมด

บางคนกำลังหวังว่า เขาคงเจรจารวมไปถึงคดีความที่เกี่ยวข้องกับการเมืองทั้งหมด ว่ากันตั้งแต่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เป็นต้นมาเลยทีเดียว นิรโทษกรรมเสียให้เกลี้ยงถาดแล้วกลับสู่สนามเลือกตั้งกันให้หมด เรื่องนี้คนที่พลัดบ้านพลัดเมืองมาบางคนก็ยังร่วมฝันหวานกับเขาไปด้วย

ต่างคนก็ต่างฝันกันไป จนมามองผลการเลือกตั้งครั้งนี้ซึ่งเป็นการเลือกตั้งสนามเล็ก

ผู้คร่ำหวอดบางท่านเอะอะขึ้นว่า ประชาธิปัตย์เขาครองสนามนี้มาแต่ไหนแต่ไร ใช้เป็นมาตรวัดสนามใหญ่ไม่ได้หรอก พ่ายแพ้ในสนามนี้ไม่ได้แปลว่าพรรคฝ่ายประชาธิปไตยจะไร้สิ้นทางสู้ในสนามใหญ่ก็อาจจะจริง
แต่ท่านลืมไปหรือเปล่าว่าสิ่งสำคัญกว่าความนิยมหรือเจตนารมณ์ของมวลชนที่รักท่านอยากเชียร์ท่านใจจะขาดนั้น คืออำนาจรัฐที่ฝ่ายเขาใช้ควบคุมและครอบงำกระบวนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นอีกต่อหนึ่ง

มีคนติงว่า เราเคยชนะอย่างสง่างามมาแล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๐ ท่ามกลางฝูงเผด็จการทั้งใน คมช. และรัฐบาล คราวนี้ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยไม่ได้หรืออย่างไร ยิ่งมวลชนแดงกันทั้งประเทศอย่างไม่ยอมโรยราก็ยิ่งเป็นคะแนนสะสมที่หนักแน่นยิ่งกว่าการเลือกตั้งครั้งนั้นไม่ใช่หรือ

คำตอบก็คือ คราวนั้นเขาเผลอไผล เชื่อมั่นในอำนาจควบคุมของกองทัพมากจนเกินไป บวกกับความไร้ประสิทธิภาพอย่างไม่น่าเชื่อของรัฐบาลสุรยุทธ์ ความศรัทธาของมวลชนฝ่ายประชาธิปไตยที่เปี่ยมล้นจึงได้รับการสะท้อนออกมาผ่านการเลือกตั้ง แล้วอย่างไรเล่า? สุดท้ายเขาคนนั้นก็ต้องปลุกผีพันธมิตรฯ สั่งผู้พิพากษาฝ่ายเขา และระดมพวกทหารมองการณ์สั้นในกองทัพมาทำลายรัฐบาลของผู้ชนะลงถึงสองชุด

แต่คราวนี้ เขาใช้พลแม่นปืนหรือสไนเปอร์กับประชาชนผู้ไร้อาวุธและเรียกร้องเพียงการยุบสภาจนล้มตายกันเป็นร้อยๆ ทั้งที่เป็นทางการและตามความจริงแล้ว เขาจะไม่เรียนรู้ความผิดพลาดเมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๐ และหาทางกลบเกลื่อนความชั่วร้ายเลวทรามของตัวเองเมื่อเดือนเมษายน-พฤษภาคมปีนี้ คงเป็นไปไม่ได้แน่

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เขาก็สั่งให้การเลือกตั้งเป็นทุ่งสังหารแห่งใหม่

ผู้สมัครรับเลือกตั้งฝ่ายเราที่มีทางชนะ จะถูกทำลาย ทำร้าย และทำให้แพ้ไปได้ อาจสูญเสียแม้กระทั่งชีวิต

สุดท้ายก็จะโกงที่ผลการเลือกตั้งนั้นเอง จนฝ่ายประชาธิปไตยแพ้ หรือไม่ชนะอย่างหนักแน่นพอจะถ่วงดุลกับอำนาจอันล้นพ้นของเขาได้

เมื่อคำว่า ไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทย แม้กระทั่งคำว่า ทักษิณ เริ่มเลือนราง ก็สั่งการให้ยึดอำนาจรัฐประหารรอบใหม่

ล้างไพ่ยังไม่พอ คราวนี้ให้ล้างโต๊ะที่นั่งเล่นไพ่นั้นด้วย

เลือกตั้งให้ตายในระบอบเขา ก็ได้แค่ตายครับ.

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : http://www.democracy100percent.blogspot.com/
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
ข่าวSMSของฝ่ายประชาธิปไตย เชิญสมัครสมาชิก SMS-TPNews โดยทีมงานมืออาชีพ เที่ยงตรง ไม่บิดเบือน ส่งตรงถึงมือถือทุกวัน สมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน พิมพ์ PN ส่งมาที่เบอร์ 4552146 ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน Call center: 084-4566794-5 (จ.- ศ. 9.30-17.30 น.)

กษิตเผยเยือนมอนเตฯ ไม่ได้เคลียร์ปัญหา "พ.ต.ท.ทักษิณฯ"


by TPNews, 2010-08-31 00:55:53

(30 ส.ค.) นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางเยือนมอนเตเนโกรอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 ส.ค. ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าพบนายมิลาน โรเซน รัฐมนตรีต่างประเทศมอนเตเนโกรว่า เป้าหมายหลักของการเดินทางมาครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อหารือเรื่องพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ต้องการมาทำความรู้จักและปูทางความร่วมมือระหว่างกัน เพราะแม้ว่าจะมีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันมาระยะหนึ่งแล้วก็ยังไม่มีการไปมาหาสู่ บังเอิญมีเรื่องพ.ต.ท.ทักษิณเข้ามาจึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดซึ่งไม่อยากให้เอาเรื่องนี้เป็นตัวตั้ง เพราะมิติของความสัมพันธ์มีมาก เมื่อมอนเตเนโกรเชิญมาจึงรีบมาเพื่อแสดงให้เห็นว่าเราสามารถทำงานร่วมกันได้

นายกษิต กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ได้มีโอกาสพบนายโรเซนแล้วสองครั้ง และได้พูดเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณไปหมดแล้วว่าเป็นอย่างไร ซึ่งเขาได้ยืนยันว่าไม่ประสงค์แทรกแซงกิจการภายในของไทย แต่เขาก็มีกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการให้หนังสือเดินทางให้กับผู้ที่นำเงินเข้ามาฝาก หรือลงทุนในประเทศ และเขาได้แจ้งแล้วว่าการดำเนินการใดๆ จะดูจากตำรวจสากลเป็นหลัก

"เชื่อว่าทางฝ่ายมอนเตเนโกรก็ทราบ เพราะเมื่อมีเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณเข้ามาเวลาเขาเดินทางไปไหนก็มีแต่คนมาถาม ซึ่งทำให้เขาขายหน้า เพราะเป็นเรื่องภาพลักษณ์และภาพพจน์ของเขาที่กำลังเตรียมนำประเทศเข้าสู่การเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป โดยหนึ่งในประเด็นสำคัญคือการเป็นสังคมประชาธิปไตยและธรรมมาภิบาล อะไรที่ทำแล้วมีนัยยะว่ามันไม่ใช่สังคมของความโปร่งใสเป็นผลเสียของเขาเอง ดังนั้นไม่มีเหตุอะไรที่เราต้องไปเน้นย้ำในประเด็นเหล่านี้เพราะเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว เรื่องไหนที่พูดแล้วเขาทราบว่าต้องทำอย่างไร ไม่ใช่เรื่องที่ต้องตามล้างตามเช็ดกัน เพราะเขาเองบอกว่าไม่ต้องการให้ใครใช้ประเทศเขาเป็นเวทีทางการเมือง"นายกษิตกล่าว
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : คมชัดลึก

“พ.ต.ท.ทักษิณฯ” ไม่กระทบ มอนเตฯ ยัน สัมพันธ์ไทยคืบ


by TPNews, 2010-08-31 00:50:26

สำนักข่าวเอเอฟพีและเอพี รายงานเมื่อเวลา 20.05 น.ตามเวลาในไทยว่า ไทยและมอนเตเนโกร เห็นชอบร่วมกันเพื่อกระชับความสัมพันธ์แบบทวิภาคี แม้ว่า อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร จะได้รับมอบสัญชาติมอนเตเนโกร ท่าทีดังกล่าวมีขึ้นหลังการหารือกันของ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ของไทยที่อยู่ระหว่างเยือนมอนเตเนโกรกับนายมิลาน โรเซน รมว.ต่างประเทศ ของมอนเตเนโกร ระหว่างแถลงข่าวร่วมกัน

นายโรเซน ระบุว่า มอนเตเนโกรไม่เคยได้รับข้อเรียกร้องทางกฎหมายใด (เพื่อขอส่งตัวอดีต นายกฯทักษิณ) จากทางฝ่ายไทย ทั้งสองชาติเห็นตรงกันว่า เรื่องอดีตนายกฯ ทักษิณ ไม่มีผลกระทบต่อการสถาปนาและกระชับความสัมพันธ์อันดีต่อกัน พร้อมกันนี้ ยังบอกปัดให้ความสำคัญแค่การเข้ามาลงทุนของอดีตนายกฯ ทักษิณ ระบุว่า เขาไม่รู้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะเข้ามาลงทุนในมอนเตเนโกรหรือไม่ แต่มั่นใจว่ารัฐบาลไทยจะลงทุนแน่

ขณะที่นายกษิต ระบุว่า อดีตนายกฯ ทักษิณ มีคดีติดตัวหลายกระทงในไทย และฝ่ายไทยกำลังทำงานร่วมมือกับหน่วยตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) ในเรื่องนี้ และว่าเจ้าหน้าที่มอนเตเนโกรแจ้งกับอดีตนายกฯ ทักษิณ มิให้ฉกฉวยเอาสิทธิพิเศษที่เขาได้รับไปแสวงหาประโยชน์ในทางมิชอบ.

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์

สื่อมะกันเชื่อ “วิคเตอร์ บูท” เล็งใช้ข้อมูลลับต่อรองลดโทษ


by TPNews, 2010-08-31 00:46:40

(30 ส.ค.) นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรีระบุว่าให้กระทรวงการต่างประเทศไปทำความเข้าใจกับสหรัฐอเมริกาและรัสเซียกรณีนายวิคเตอร์ บูทว่า กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการอยู่แล้ว และได้มีการหารือกับทั้งสองประเทศมาโดยตลอดว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมของไทย ซึ่งมีความอิสระ เป็นเอกเทศและเป็นมืออาชีพ ทั้งนี้ก่อนเดินทางมาต่างประเทศตนได้พูดกับสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐไปแล้วว่าการส่งเครื่องบินของสหรัฐฯ มาจอดรอเพื่อรับตัวนายวิคเตอร์ บูท ที่สนามบินดอนเมืองเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม เพราะต้องเคารพในกระบวนการภายในของเราด้วย

"ทั้งสองประเทศต้องให้ความเคารพกระบวนการยุติธรรม รวมถึงศักดิ์ศรีของประเทศไทย ไม่ควรมาทำสิ่งใดที่เสมือนเป็นการมาบีบกัน ซึ่งดูไม่ดีต่อศักดิ์ศรีและความเป็นรัฐไทยที่เขาต้องให้ความเคารพความเป็นอธิปไตยและกระบวนการทางกฎหมายของไทย ทุกอย่างมีขั้นตอนต่างๆ ในการดำเนินการ ไม่ใช่มาเร่งรัดหรือบีบคั้น เรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องที่มิตรประเทศไม่ควรทำกัน" นายกษิต กล่าวและว่าสหรัฐฯ และรัสเซียก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกันอยู่ มีอะไรก็ควรพูดกันได้ ไม่ควรใช้ไทยเป็นเวทีหรือมาบีบกัน เราไม่ได้มาเลือกข้างแต่เอาข้อเท็จจริงเป็นตัวตั้งและต้องพูดกันด้วยเหตุด้วยผล สหรัฐฯ เองก็เป็นรัฐประชาธิปไตยและพูดกับโลกเสมอว่าการทำตามกฎหมายเป็นเรื่องสำคัญ ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังชี้แจงแล้วคิดว่าทั้งสองประเทศเข้าใจหรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า คิดว่าเขาเข้าใจ เมื่อเร็วๆ นี้ทางกระทรวงต่างประเทศก็ได้เชิญทูตรัสเซียมาพบชี้แจงว่าขั้นตอนอยู่ที่ไหนอย่างไร

ส่วนกรณีที่นายศิริโชคเข้าพบนายบูท รวมถึงประเด็นที่นายจตุพร พรหมพันธ์ระบุว่าไทยยื่นเงื่อนไขแลกตัวบูทกับพ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องการเมืองในประเทศนั้น นายกษิต ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ใช่นโยบายรัฐบาลที่จะมายื่นหมูยื่นแมวระหว่างพ.ต.ท.ทักษิณกับนายบูท โดยอยากให้เอาข้อเท็จจริงมาพูดกันมากกว่าไม่ใช่เรื่องการโกหกเพ้อฝัน หรือคิดเองเออเอง เพราะทั้งเรื่องนายบูทและพ.ต.ท.ทักษิณเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่เรื่องการแลกเปลี่ยนทางการเมือง รัฐบาลทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะเป็นการแทรกแซงและข้ามหน้าข้ามตากระบวนการยุติธรรม พูดแบบนั้นมันเสียหายอย่างมากต่อประเทศ การนำเรื่องนี้มาเล่นการเมืองภายในไม่ได้ดูศักดิ์ศรีประเทศว่าอะไรที่ถูกที่ควรและควรต้องเคารพกติกากันบ้าง

เว็บไซต์นิวยอร์คไทมส์ สื่อชั้นนำของสหรัฐอเมริการายงานเมื่อวันจันทร์ (30 ส.ค.) ว่าอนาคตของนายบูทขึ้นอยู่กับการใช้ข้อมูลลับเกี่ยวกับเครือข่ายการจัดส่งอาวุธ และ องค์กรอาชญากรรมทั่วโลก เป็นเครื่องต่อรองกับอัยการสหรัฐเพื่อลดโทษจากจำคุกตลอดชีวิต

นิวยอร์คไทมส์ ได้อ้างคำพูดของผู้เชี่ยวชาญหลายราย เช่นนาย ไมเคิล เอ. เบราน์ หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ สำนักงานปราบปรามยาเสพติด (ดีอีเอ) สหรัฐอเมริกา ว่า “เชื่อว่านายบูทมีข้อมูลสำคัญที่หลายประเทศต้องการ มันขึ้นอยู่กับตัวเขาเองว่าอยากจะพบหน้าลูกและภรรยาอีกครั้งในช่วงอีก 10 -15 หรือ 20 ปีข้างหน้าหรือไม่ ผมเองเชื่อว่ามีความเป็นไปได้มากที่จะได้รับการลดโทษหากบูทนำข้อมูลมาใช้ต่อรอง”

สหรัฐเชื่อว่านายบูทเป็นผู้ควบคุมเครือข่ายการค้าและส่งอาวุธให้กับกลุ่มค้ายาเสพติดทรงอิทธิพล กลุ่มก่อการร้าย และ แนวร่วมการปฏิวัติในหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งโคลัมเบีย และ อาฟกานิสถาน ทั้งยังเข้าใจว่านายบูทเป็นตัวกลางเชื่อมโยงระหว่างกองกำลังทหารและหน่วยข่าวกรองรัสเซีย กับองค์กรอาชญากรรมต่างๆ ตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1990

------------------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : คมชัดลึก

"น้องเดียร์"โวยดีเอสไอไม่เป็นมืออาชีพดองคดีฆ่า"เสธ.แดง"รู้ดีฝีมือใคร ลั่นเกลียด รบ.ชุดนี้ดีแต่ป้ายสี ปชช.


by TPNews, 2010-08-31 00:43:44

ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม มีการประชุมคณะกรรมการติดตามสถานการณ์บ้านเมือง วุฒิสภา มีนายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว.ศรีสะเกษ เป็นประธาน เชิญน.ส.ขัตติยา สวัสดิผล บุตรสาว พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธแดงชี้แจง กรณีพล.ต.ขัตติยะ ถูกยิงเสียชีวิต ในสถานที่ชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง โดย นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง ส.ว.อุทัยธานี คณะกรรมการฯ ระบุพล.ต.ขัตติยะ ที่ผ่านมาจะเป็นอย่างไร อยู่ข้างไหน ถือเป็นอีกเรื่อง แต่การถูกฆาตกรรมใจกลางเมือง เป็นเรื่องที่อุกอาจ รับไม่ได้ ขณะที่ พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี ส.ว.สรรหา ถามว่า หลังพล.ต.ขัตติยะ เสียชีวิต ทางครอบครัวได้รับการเยียวยาอะไรบ้าง นอกจากนี้ส.ว.หลายคนยังสอบถามน.ส.ขัตติยาถึงผู้บงการสังหาร และกรณีที่มีภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกฯ ถ่ายรูปคู่กับพล.ต.ขัตติยะที่ต่างประเทศ ทั้งสองมีความสัมพันธ์กันอย่างไร

น.ส.ขัตติยา ชี้แจงว่า กรณีพล.ต.ขัตติยะเสียชีวิต ทางครอบครัวได้รับเงินจากภาครัฐจำนวน 4 แสนบาท ตรงนี้ตนไม่ได้ซีเรียสอะไร แต่ตนมีปัญหาตรงที่ คดีไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย โดยเฉพาะ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ดำเนินการเรื่องนี้ช้ามาก เสมือนทำงานแบบไม่เป็นมืออาชีพ จากที่ได้ถามความคืบหน้าคดีจากดีเอสไอ มีการหาสำนวนของพล.ต.ขัตติยะถึงครึ่งชั่วโมง แสดงถึงความไม่ใส่ใจ หนำซ้ำกรณีที่อัยการเข้ามาดูแลคดีอัยการยังอ่านสำนวนพร้อมตำรวจที่กำลังสอบปากคำตนในคราวเดียว

“ส่วนใครที่เป็นคนทำคุณพ่อ เดียร์ ไม่อยากพูด เดี๋ยวจะโดนหมิ่นประมาท แต่พอทราบอยู่ในใจว่าเป็นกลุ่มไหน เพราะคนที่ทำไม่มีกลุ่มที่ได้ผลประโยชน์ แต่กังวลว่า อัยการอาจไม่สั่งฟ้องคดีนี้ เพราะหลักฐานน้อยเกินไป เพราะถ้าพยานเห็นไม่ตรงกัน 2 คน เช่น วิถีกระสุน ที่ไม่รู้มาจากไหน เพราะจากการสอบพยาน 2 ปาก ก็บอกตรงกันอย่างนั้น และกรณีที่คุณพ่อหันหน้าไปทางไหน ขณะที่ถูกยิง บ้างก็ว่า หันหน้าไปทางรถไฟฟ้า บ้างก็ว่า หันหน้าไปทางพระบรมรูปรัชการที่ 6 แต่คดีนี้มีอายุความ 20 ปี ซึ่งเดียร์จะพยายามเรื่อยๆ” น.ส.ขัตติยากล่าว

น.ส.ขัตติยากล่าวว่า ส่วนคณะกรรมการปรองดอง ที่รัฐบาลตั้งขึ้นเพื่อเยียวยา ตนไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรก เพราะตั้งโดยรัฐบาล และมั่นใจด้วยว่า คนที่ตายมีมากกว่า 90 ศพ อยากให้รัฐบาลรับผิดชอบคนตาย แสดงความจริงใจ หาคนมาลงโทษให้ได้ ไม่ใช่เอะอะก็จะหาแต่ผู้ก่อการร้าย ขณะนี้ทั้งตน และผู้สูญเสียทุกคนมีความเคียดแค้น ความรู้สึกตอนนี้ตนเกลียดรัฐบาลชุดนี้มาก เพราะหลอกประชาชนไปวันๆ โดยเฉพาะการป้ายสี อย่างกรณีนายสุรชัย เทวรัตน์ หรือ นายหรั่ง ที่ถูกจับ แล้วดีเอสไอ ออกมาแถลงข่าวว่า เป็นบุคคลใกล้ชิดกับพล.ต.ขัตติยะ เป็นบุคคลที่ยิงเอ็ม 79 แต่สุดท้ายก็มาปฏิเสธภายหลัง ไม่ทราบว่าดีเอสไอเอาอะไรมาตัดสิน ที่ดีเอสไอแถลงล้วนเป็นเท็จทั้งสิ้น ส่วนภาพถ่ายคู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และการเดินทางไปต่างประเทศของพล.ต.ขัตติยะ ตนไม่ทราบ เพราะพล.ต.ขัตติยะเดินทางตลอดเวลา และตนไม่เคยสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้

“เรื่องการคุกคาม ที่ผ่านมาเดียร์ยังไม่เคยโดน แต่ก่อนหน้านี้ที่ไม่เป็นข่าว มีทหารจากม.พัน 4 ไปค้นบ้านช่วงเดือน เม.ย.และ พ.ค. เพื่อค้นหาคุณพ่อ มีการเหยียบหลังคนในบ้าน ใช้เท้าถีบประตูห้องนอนเดียร์เพื่อหาว่าพล.ต.ขัตติยะอยู่หรือไม่ ส่วนระเบิดที่พบในบ้าน ก็ล้วนแต่นำมาวางเองเพื่อสร้างเรื่องทั้งสิ้น นอกจากนี้ขอรบกวนไปยังวุฒิสภาสอบถามไปยัง ผู้รับผิดชอบ กรณีการรับบำเหน็จตกทอด บุตรมีสิทธิ์รับหรือไม่ เพราะคุณพ่อรับราชการมา 30 ปี ทำความดีให้กับประเทศ แต่ตั้งแต่โดนพักงานมาตั้งแต่เดือน ม.ค. ไม่ได้รับเงินเดือน ถ้าไม่ได้ จะได้ไม่ต้องรอ เรื่องนี้เพื่อนพ่อที่เป็นตท. 11 บอกว่า สามารถขอบำเหน็จตกทอดได้ แต่ผบ.ทบ.ต้องไม่ใช่อยู่ในยุค พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” น.ส.ขัตติยากล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมหารือเห็นตรงกันว่า กรณีบำเหน็จตกทอดของพล.ต.ขัตติยะ โดนเพียงถูกพักราชการไม่ใช่การไล่ออก สามารถรับบำเหน็จตกทอดได้ โดยที่ประชุมจะทำหนังสือสอบถามไปยังปลัดกระทรวงกลาโหมต่อไป นอกจากนี้ที่ประชุม ยังมีมติให้น.ส.ขัตติยาเป็นตัวกลางติดต่อประสาน ไปยังญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมทั้งหมด ว่า ขณะนี้มีความเป็นอยู่อย่างไร ถูกคุกคามจากภาครัฐหรือไม่ โดยจะมีการตั้งเวทีพูดคุยแลกเปลี่ยนกับญาติผู้เสียชีวิตตามพื้นที่ต่างๆต่อไป

-----------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : มติชนออนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553

"ร.ต.อ.เฉลิม" ลั่นให้"พ.ต.ท.ทักษิณ" แก้ปัญหาเขมรแทน "มาร์ค"


by TPNews, 2010-08-03 00:09:06

เมื่อเวลา 16.00 น.พรรคเพื่อไทยได้จัดปราศรัยที่เวทีสนามหน้าศาลากลาง จ.ศรีสะเกษ โดยมีประชาชนมาร่วมฟังราว 3 พันคนท่ามกลางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆฝนตกอย่างหนัก โดยการปราศรัยวันนี้ นำโดยร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานสส.พรรคเพื่อไทย และปราศรัยช่วงหนึ่งปัญหาพิพาทในพื้นที่ทับซ้อน บริเวณประสาทพระวิหารว่า ในสมัยรัฐบาลสมัครที่มีนายนพดล ปัทมะ เป็นรมว.ต่างประเทศ ตนก็อยู่ ในครม. และก็นั่งฟังเรื่องราวก็ไม่เห็นว่าจะมีใครจะไปยกแผ่นดินให้เขมรและเขมรก็จะเอาแผ่นดินไทยไปไม่ได้

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นเพราะเขมรไม่ชอบรัฐบาลชุดนี้ และเกลียดนายกษิต ถ้าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ปรึกษาเศรษฐกิจรัฐบาลกัมพูชาไปคุย เรื่องทุกอย่างก็จบไปแล้ว รัฐบาลนี้ฉลาดในเรื่องโง่ จะไปรบหรือไปฆ่ากันทำไม มันกระทบการท่องเที่ยว เราได้ดุลการค้าเขมร 12 เท่า รัฐบาลนี้คิดไม่เป็น

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ที่มา : คมชัดลึก

‘กษิต’ยัน เอ็มโอยู-43 ไม่ทำไทยเสียดินแดน


by TPNews, 2010-08-03 00:04:50

วันที่ 2 ส.ค. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ แถลงเกี่ยวกับเอ็มโอยู 2543 ว่า เอ็มโอยูฉบับนี้เป็นเพียงระเบียบและข้อตกลงคร่าวๆ ที่เอื้อให้เกิดการเจรจาและนำไปสู่การตกลงได้ง่ายขึ้น ไม่ใช่ผลสรุปของการเจรจาและมิได้มีผลบังคับการปักปันเขตแดนจึงไม่จำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ ตามรัฐธรรมนูญปี 2550 ม.190 วรรค 2 อีกทั้งเอ็มโอยู 2543 ยังอยู่ภายใต้อำนาจของรัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งไม่ได้ระบุให้ยื่นเรื่องนี้ให้สภาฯ พิจารณา หากทำตามขั้นตอนปักปันเขตแดนตามเอ็มโอยู 2543 จนได้ผลการเจรจาอย่างเป็นทางการแล้วจะต้องนำเสนอให้สภาฯ พิจารณาอย่างแน่นอน และคงนำไปสู่การทำประชามติเพื่อฟังความเห็นจากประชาชนต่อไป

“อีก 2 วันจะทำหนังสือถึงครม. เพื่อให้ความเห็นชอบต่อบันทึกข้อตกลงทั้งสามฉบับที่เกิดจากกรอบเอ็มโอยู 2543 ที่เคยนำเสนอต่อที่ประชุมรัฐสภาในสมัยประชุมที่แล้ว แต่ยังไม่ได้พิจารณาซึ่งต้องส่งเรื่องกลับไปที่ประชุมรัฐสภาเพื่อให้ครม. เห็นชอบและส่งเรื่องกลับไปที่ประชุมรัฐสภา”

นายกษิตกล่าวและว่า เอ็มโอยู 2543 มีบทบาทสำคัญทำให้คณะกรรมการมรดกโลกตระหนักว่าไทยและกัมพูชายังไม่สามารถตกลงเรื่องพื้นที่ทับซ้อนกันได้และนำไปสู่การเลื่อนการพิจารณาแผนการจัดการพื้นที่รอบปราสาทเขาพระวิหารไปเป็นปี 2554 ที่ประเทศบาห์เรน

นายกษิต กล่าวว่า อดีตประเทศไทยไม่เคยเสียดินแดนอย่างที่หลายฝ่ายเคยกล่าวอ้าง แต่เมื่อมีการเปิดโต๊ะเจรจากับประเทศกัมพูชาแล้ว ฝ่ายไทยต้องตีความการปักปันเขตแดนตามสนธิสัญญา สยาม–ฝรั่งเศสฉบับ ค.ศ.1904 และ 1907 ซึ่งจัดทำขึ้นที่กรุงเวียนนาอย่างเคร่งครัดและหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเขตแดนเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ที่ทำได้คือการตีความหลักเขตแดนให้ชัดเจนตามที่ระบุไว้ในสนธิสัญญาแต่เดิมและชั่งน้ำหนักหลักฐานแต่ละชิ้นเพื่อหาข้อสรุปให้ได้ว่าหลักเขตแดนทั้ง 73 หลักอยู่ตรงไหนบ้าง รวมถึงตามข้อตกลงในเอ็มโอยู 2543 ระหว่างนี้ทั้งไทยและกัมพูชาห้ามกระทำการใดๆที่จะส่งผลให้ภูมิประเทศในเขตพื้นที่ทับซ้อนเปลี่ยนแปลงไป โดยระหว่างปี 2547-ปัจจุบัน พบว่าประเทศกัมพูชาละเมิดข้อตกลงนี้หลายครั้ง ไทยจึงได้ทำการประท้วงเพื่อรักษาสิทธิเหนือดินแดนและอำนาจอธิปไตยมาโดยตลอด

ด้านการยุติเอ็มโอยูทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชาที่ลงนามในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และการเรียกทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศเมื่อปีที่แล้ว นายกษิตกล่าวว่าเป็นการตอบโต้การทำผิดข้อตกลงของกัมพูชาที่สมควรแก่สถานการณ์ในสมัยนั้น อย่างไรก็ตาม ต้องมีการสร้างข้อตกลงใหม่เพื่อหาข้อยุติแก่พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลอีกครั้ง

ในส่วนของที่มาของเอ็มโอยู 2543 นายกษิตอธิบายว่ามาจากข้อพิพาทกรณีเขาพระวิหารระหว่างไทยและกัมพูชาในปี 2505 ซึ่งก่อนหน้านี้ไทยละเลยปัญหาเรื่องเขตแดนกับประเทศเพื่อนบ้านมาเป็นเวลายาวนาน คำว่า “รัฐ” เป็นคำเกิดใหม่ซึ่งประเทศแถบยุโรปเริ่มใช้เมื่อ 200-300 ปีก่อนเท่านั้น หลังจากการรุกรานของประเทศฝรั่งเศสและอังกฤษในยุคล่าอาณานิคม ทำให้ไทยต้องถูกบีบบังคับให้ลงนามความยินยอมในแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ตามสัญญาระหว่างข้าหลวงสยามและฝรั่งเศส ในอนุสัญญากรุงเวียนนา ค.ศ.1904 และ 1907 เพื่อรักษาเอกราชไว้ อีกปัจจัยหนึ่งคือปัญหาบ้านร่มเกล้า ปี 2531 ที่ประเทศไทยและประเทศลาวใช้กำลังทหารเข้าสู้รบกันเพื่อแย่งชิงพื้นที่ “เราพยายามไม่ให้ปัญหาเรื่องเขตแดนเป็นประเด็นทางการเมืองที่กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่พยายามให้เป็นเรื่องเชิงบวกที่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่นและถาวร การแก้ปัญหาด้วยกำลังทหารจะไม่ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น สุดท้ายแล้วต้องเข้าสู่โต๊ะเจรจาทุกครั้ง” นายกษิตกล่าว

นอกจากนี้ รมว.กระทรวงการต่างประเทศยืนยันว่าตนเห็นผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้งและไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัวกับประเทศกัมพูชาอย่างที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด

----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : ข่าวสด

"ศรีศักดิ์" กร้าว ซัด รบ. "โง่" ถ้ายังฝืนใช้เอ็มโอยู ปท.เสียหายแน่



TPNews, 2010-08-03 00:01:58

นายศรีศักดิ์ วัลลิโภดม นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ท้องถิ่น กล่าวเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ที่ จ.แม่ฮ่องสอน เกี่ยวกับกรณีเขาพระวิหารว่า ขณะนี้มีเรื่องของคนท้องถิ่นและกระแสคนข้างนอกด้วยที่ร่วมกันกดดันรัฐ ซึ่งเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว เพราะเห็นว่ารัฐอ่อนมาตลอดไม่ใช่รัฐบาลนี้เท่านั้นแต่เกิดจากทุกรัฐบาล ความฉ้อฉลของรัฐทำให้ไม่เข้าใจ แม้กระทั่งกระทรวงต่างประเทศใช้แผนที่ผิดได้อย่างไร รัฐบาลไม่ได้ให้ความสนใจ เราทำงานจนสถานะจากเบี้ยล่างมาเป็นเบี้ยบนขนาดนี้แล้วยังไม่เลิกเอ็มโอยูได้อย่างไร คราวนี้เราได้เปรียบแล้ว มรดกโลกผิดกติกาไปขึ้นให้กับเขมรฝ่ายเดียวต้องซัดให้เต็มที่ เลิกเอ็มโอยูทั้งหมดพูดกันไปตามสันปันน้ำเลย

"ปัจจุบันเทคนิคดี ร่วมมือกันดี ไม่ต้องใช้แผนที่ก็ได้ ถ้ารัฐยังยืนยันใช้เอ็มโอยู 1 ต่อ 200,000 อยู่ ถึงว่าจบคราวหน้าจะพังและไปกระเทือนคนข้างล่าง รัฐบาลไม่เคยตรวจสอบความไม่มั่นคงในสังคมข้างล่างเลย ถกกันอยู่แต่ข้างบน แล้วคนรอบๆ เขาพระวิหารจะเดือดร้อนอย่างไร คนแนวตะเข็บชายแดนจะเดือดร้อนอย่างไร เวลานี้เกิดความหวาดกลัวว่าถ้าพลาดเขมรจะรุกเข้ามา ซึ่งเขมรก็รุกอยู่แล้ว รัฐคำนึงถึงหรือเปล่า ถ้ายังโง่ใช้เอ็มโอยูอยู่ละก็ จะทำให้ประเทศเสียหายอีกแน่นอน"

----------------------------------------------------------------------------------------------------------

ที่มา : มติชนออนไลน์

ไขปม 2 รัฐมนตรีรวยปริศนากว่า 10 ล้าน “องอาจ”ซุ่มทำธุรกิจสื่อ


TPNews, 2010-08-02 08:06:19

ภายหลังจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เข้ารับตำแหน่งใหม่จำนวน 8 คน เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2553 ปรากฏว่ารัฐมนตรีอย่างน้อย 2 คนมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นกว่า 10 ล้านบาท (เมื่อเทียบกับการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินตอนเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.วันที่ 22 มกราคม 2551) คือนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ นายไชยยศ จิรเมธากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

ทำให้เกิดคำถามเชิงสงสัยว่าในช่วงเวลา 2 ปี บุคคลทั้งสองรวยขึ้นได้อย่างไร?

“มติชนออนไลน์”ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังนี้

กรณีนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ตอนรับตำแหน่ง ส.ส. (ขณะโสด) แจ้งว่ามีทรัพย์สิน 34,863,068 บาท ไม่มีหนี้สิน ในจำนวนนี้เป็นเงินลงทุน 1,472,375 บาท

ตอนรับตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีทรัพย์สิน 47,859,857 บาท ในจำนวนนี้เป็นเงินลงทุน 16,999,400 บาท ไม่มีหนี้สิน ไม่รวมทรัพย์สินนางอโณทัย คล้ามไพบูลย์ คู่สมรส 23,310,384 บาท

เท่ากับนายองอาจมีเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 15,527,025 บาท

นายองอาจแจ้งว่ามีเงินลงทุน 3 รายการคือ

1.บริษัท เพชรประกาย จำกัด 150,000 หุ้น มูลค่า 15,000,000 บาท

2.บริษัท โอเคพับลิชชิ่ง จำกัด 10,000 หุ้น มูลค่า 1,000,000 บาท

3.บริษัท โอเคเรียบเอสเตท จำกัด 9,994 หุ้น มูลค่า 999,400 บาท

จากการตรวจสอบข้อมูลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่า บริษัท เพชรประกาย จำกัด ก่อตั้งเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2552 ทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท ประกอบธุรกิจผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ ที่ตั้งเลขที่ 8 อาคารยูพีดี ถนนรามอินทรา แขวงมีนบุรี กรุงเทพฯ มีนายพีระเดช ปริญญาสวน เป็นกรรมการ

บริษัท โอเคพับลิชชิ่ง จำกัด ก่อตั้งวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2553 ทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท ประกอบกิจการค้าสิ่งพิมพ์ ที่ตั้งเลขที่ 25/ 2 ถนนพิษณุโลก เขตดุสิต กรุงเทพฯ มีนายชัย หงส์ศิริพงษ์ เป็นกรรมการ (นายชัย เป็นกรรมการบริษัท เซาท์เทอร์น ซิตี้ ประกอบกิจการอสังหาริมทรัพย์ ใน อ.เมืองสุราษฎร์ธานี นายมนู วณิชานนท์ เป็นเจ้าของ)

บริษัท โอเค เรียลเอสเตท จำกัด ก่อตั้งวันที่ 24 ตุลาคม 2549 ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาฯ ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ที่ตั้งเดียวกันกับบริษัท โอเคพับลิชชิ่ง จำกัด

นายพีระเดช ปริญญาสวน เป็นกรรมการ บริษัท บุญยวีร์ เอ.ซี. จำกัด รับที่ปรึกษาธุรกิจ นางสาว ภัทรมน เกิดสมพงษ์ ถือหุ้นใหญ่ 76% นายณัฐพงศ์ นาควัชระถือหุ้น 10% นายธวัช นุชเปลี่ยน 10% และ บริษัท แฮปปี้ บุ๊ค พับลิชชิ่ง จำกัด ก่อตั้งวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2552 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ประกอบกิจการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ ที่ตั้งเลขที่ 8อาคารยูพีดี ถนนรามอินทรา มีนบุรี

ก่อนหน้านี้นายองอาจเคยเป็นเจ้าของ บริษัท สำนักกฎหมายซิกม่าแอนด์อินทิเกรต จำกัด เลิกกิจการวันที่ 15 ธันวาคม 2552 และถือหุ้น ในบริษัท ไบโอสครีนเนอร์ โปรดักท์ จำกัด อยู่ใน จ.เชียงใหม่ (ศาลล้มละลายกลางมีคำพิพากษาล้มละลายเมื่อ 24 พฤษภาคม 2550 ) น.ส.ตติยา อะทะไชย ถือหุ้นใหญ่ 48% นายองอาจ 14% จากทุนจดทะเบียน 25 ล้านบาท

ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ นายองอาจแจ้งว่ามีรายได้จากเงินประจำตำแหน่ง และเงินเพิ่ม จำนวน 1,251,960 บาท เบี้ยประชุม 90,000 บาท รวม 1,341,960 บาท

ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นกว่า 10 ล้านบาท จึงสวนทางกับ “รายได้” พอสมควร?

กรณีนายไชยยศ จิรเมธากร ตอนเป็น ส.ส.แจ้งว่ามีทรัพย์สิน 109,471,475 บาท บุตรไม่บรรลุฯ 1,021,584 บาท รวม 110,493,059 บาท หนี้สินประมาณ 18.3 ล้านบาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 92,170,103 บาท

ตอนเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการมีทรัพย์สิน 123,999,242 บาท หนี้สิน 16,592,802 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 107,406,440 บาท

เท่ากับมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นประมาณ 17.7 ล้านบาท

ทรัพย์สินของนายไชยยศที่เพิ่มขึ้น ได้แก่

เงินฝากจาก 1,909,259 บาทเป็น 6,863,382 บาท

ที่ดินจาก 40,840,000 บาทเป็น 44,340,000 บาท

รถยนต์ จาก 5,800,000 บาท เป็น 8,533,644 บาท

ทรัพย์สินอื่น จาก 2,000,000 บาท เป็น 4,340,000 บาท

บุตรไม่บรรลุนิติภาวะ เงินฝากจากเดิม “ไม่มี” เป็น 526,990 บาท

เงินลงทุน จาก 1,021,584 บาท เป็น1,943,166 บาท

นายไชยยศระบุว่ามีรายได้จากเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง

ไม่มีรายได้อื่น

ทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจึงสวนทางกับ “รายได้” อีกเช่นกัน?

ทั้งสองคนจะอธิบายอย่างไร เป็นเรื่องน่าสนใจ?

-----------------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : มติชนออนไลน์

คำแปล (คำต่อคำ) สัมภาษณ์พิเศษของ จักรภพ เพ็ญแข ต่อ สถานีโทรทัศน์แห่งชาติออสเตรเลีย (ABC)


TPNews, 2010-08-01 23:40:07

คำแปลสัมภาษณ์พิเศษของ จักรภพ เพ็ญแข ต่อ สถานีโทรทัศน์แห่งชาติออสเตรเลีย (ABC)
โดย : ทีมข่าว TPNews
ออกอากาศ : วันศุกร์ที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๓ผู้สื่อข่าว : โซอี เดเนียล

ผู้ประกาศ ลีห์ เซเลส: ผู้นำอาวุโสในขบวนการประท้วงเสื้อแดงของไทยเผยกับรายการ “เลทนิวส์” ว่าขณะนี้มีผู้สนับสนุนการเงินจากต่างประเทศเพื่อสนับสนุนขบวนการเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐในเมืองไทย

จักรภพ เพ็ญแข ยังกล่าวด้วยว่า อดีตนายกรัฐมนตรีและมหาเศรษฐี ทักษิณ ชินวัตร อาจกำลังพิจารณายุติบทบาทและความเกี่ยวข้องกับขบวนการประชาธิปไตย

นายจักรภพฯ ให้สัมภาษณ์กับ ABC จากสถานที่ที่ไม่เปิดเผยนอกเขตไทย เนื่องจากกำลังลี้ภัยทางการเมืองอยู่

ผู้สื่อข่าวประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรา โซอี แดเนียล รายงาน

โซอี แดเนียล: ในกรุงเทพฯ ทางการกำลังตรวจสอบหลักฐานหลังเหตุระเบิดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นครั้งที่สองในรอบสัปดาห์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต ๑ คน บาดเจ็บอย่างน้อย ๙ คน

นี่คือภาพสะท้อนของความปั่นป่วนทางการเมืองที่เคลื่อนลงใต้ดิน นับตั้งแต่รัฐบาลเข้าสลายชุมนุมต่อต้านอำนาจรัฐของคนเสื้อแดงเมื่อเดือนพฤษภาคม

จักรภพ เพ็ญแข คือคนหนึ่งที่กำกับการเคลื่อนไหวจากแดนไกล เขาเคยเป็นมือขวาของ ทักษิณ ชินวัตร และกำลังลี้ภัยการเมืองอยู่ในขณะนี้ เนื่องมาจากกิจกรรมต่อต้านรัฐบาลและข้อกล่าวหาว่าหมิ่นสถาบันกษัตริย์

เขาให้สัมภาษณ์กับ ABC จากสถานที่ที่ไม่เปิดเผย ยืนยันชัดเจนว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยว่ากำลังทำหน้าที่ประสานงานในขบวนประชาธิปไตยและมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในขบวนการนั้น

จักรภพ: ใช่ เราตั้งกลุ่มยุทธวิธีขึ้นมาช่วยเหลือให้คำแนะนำต่างๆ ให้กับแกนนำในการชุมนุมในเมืองไทย

โซอี: แล้วคุณคิดว่าได้แนะนำถูกต้องแค่ไหน เมื่อดูจากผล?

จักรภพ: ไม่ใช่ความถูกผิดของคำแนะนำหรอก ประเด็นอยู่ที่ระบบบริหาร จนในที่สุดก็มาถึงวันที่แกนนำบนเวทีบางส่วนมีความเข้มข้นจริงจังน้อยกว่ามวลชนที่เข้าร่วมชุมนุม

โซอี: คุมไม่อยู่หรือ?

จักรภพ: มีส่วน การปราบปรามประชาชนเมื่อเดือนเมษายนและพฤษภาคม ป่าเถื่อนและไร้มนุษยธรรม แต่พอจะคาดหมายได้ว่าจะเกิดขึ้น

โซอี: คุณพูดว่าการปราบปรามป่าเถื่อนและไร้มนุษยธรรม แต่อาวุธไม่ได้มีเฉพาะในฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น คุณยอมรับตรงนี้ไหม?

จักรภพ: ผมยอมรับ แต่ผมไม่ยอมรับว่ามีการจัดตั้งขบวนการติดอาวุธขึ้นสู้กับรัฐบาล ตามที่รัฐบาลสร้างเรื่องกล่าวหาขึ้น

โซอี: นั่นอาจจะถูก แต่เราได้เห็นการโจมตีด้วยระเบิดมือหลายครั้ง และบางส่วนของฝ่ายเสื้อแดงก็น่าจะมีการใช้อาวุธมากกว่าที่ได้กล่าวมา อย่างการระเบิดระลอกล่าสุด ใครทำ?

จักรภพ: เราไม่รู้

โซอี: ไม่ใช่คุณหรือ?

จักรภพ: ไม่ใช่ผมและไม่ใช่...

โซอี: คุณไม่ได้จัดตั้งขบวนการติดอาวุธเช่นนี้หรือ?

จักรภพ: ไม่ และไม่มีใครที่เกี่ยวข้องกับเราทำด้วย

โซอี: คุณจักรภพฯ ยอมรับว่าเขาอาจจะถูกสังหารหากเดินทางกลับประเทศ เขาจึงลี้ภัยอยู่ เขากล่าวด้วยว่า อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร อาจจะยุติบทบาทในขบวนการ หากเป็นเช่นนั้นจะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างไร?ขณะนี้เหมือนทุกอย่างหยุดชะงักหมด?

จักรภพ: ถูก

โซอี: ขณะนี้คุณไม่เจรจา ยังไม่มีทางเลือกใดๆ สู่ความสมานฉันท์ ฐานะของคุณทักษิณอยู่ตรงไหนในการกำหนดยุทธศาสตร์ชนิดวันต่อวัน?

จักรภพ: ท่านนายกฯ ทักษิณฯ ยังอยู่ในภาพ ท่านคือสัญลักษณ์ที่แจ่มชัดของขบวนการ แต่ท่านกำลังใช้เวลาพิจาณาก้าวเดินต่อๆ ไปของตัวท่านเอง ไม่ใช่ของขบวนการ

โซอี: คุณหมายความว่าอย่างไร?

จักรภพ: ผมคิดว่าท่านกำลังประเมินสถานการณ์ว่ายังคงคุ้มค่าที่จะต่อสู้อยู่หรือไม่

โซอี: จริงหรือ?

จักรภพ: อาจเป็นเช่นนั้น

โซอี: ทำไม?

จักรภพ: ผมพูดแทนท่านไม่ได้ ผมไม่ได้ทำงานใกล้ชิดกับท่านมากพอที่จะพูดอะไร แต่ผมเชื่อว่าทุกคนในขบวนการ รวมทั้งท่านด้วย สามารถกำหนดจุดยืนใหม่ของตนเองได้ ผมพูดได้เพียงเท่านั้น

โซอี: คุณคิดว่าเขาอาจจะถอนตัวหรือลดบทบาทการนำหรือ?

จักรภพ: ผมไม่ได้พูดเช่นนั้น ผมพูดว่าท่านมีสิทธิ์ที่จะนั่งคิดในเรื่องนี้

โซอี: แล้วขบวนการจะเป็นอย่างไรถ้าคนสำคัญๆ ถอนตัวจากการนำ?

จักรภพ: ประเด็นที่เผชิญหน้าเราอยู่คือเราจะได้รับความสนับสนุนอย่างไร แต่ปีที่แล้วทั้งปี ก็พิสูจน์แล้วว่าการสนับสนุนมาจากแหล่งอื่นๆ ได้ ไม่จำเป็นต้องมาจากคุณทักษิณฯ จากครอบครัวของท่าน หรือผู้ที่ท่านมอบหมาย

โซอี: พูดถึงเรื่องเงินหรือ?

จักรภพ: เรื่องเงิน เรื่องสถานที่อยู่ที่ปลอดภัย เรื่องความร่วมมือกับรัฐบาลที่เราไปพำนักและอาศัยอยู่กับเขา เรื่องต่างๆ เหล่านี้เราได้รับความสนับสนุนอย่างเป็นธรรมชาติในช่วงที่ผ่านมา ระบบในอดีตอาจจะแน่นเกินไปสักหน่อย ช่วงปีที่ผ่านมาเมื่อเราออกนอกระบบนั้น ก็รู้สึกผ่อนคลายดี และทำให้เรารู้ว่าแหล่งสนับสนุนสากลพอจะแสวงหาได้ เราจึงให้ความสำคัญกับการอธิบายความในต่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ

โซอี: หมายความว่าเขาช่วยบริจาคทุนเพื่อให้ขบวนการอยู่ได้หรือ?

จักรภพ: ถูกต้อง

โซอี: ต่างชาติหรือไทย?

จักรภพ: โดยเฉพาะต่างชาติ

โซอี: คุณจักรภพฯ ขอบคุณที่สละเวลาให้กับเรา

------------------------------------------------------------------------------------------------------

ความคิดเห็น(2):

ขอบคุณที่มีข่าว - 089784XXXX (02/08/10 20:32)
ใฝ่หาความยุติธรรมเป็นพลังธรรมชาติและมหาศาล ไม่อาศัยการหนุนใดๆ - 089076XXXX (02/08/10 12:02)

"เดียร์" ฉุน บึ้มโยงเครือข่ายเสธ.แดง - โวยปรักปรำพ่อทั้งๆ ที่ตายไปแล้ว


TPNews, 2010-08-01 23:35:16

วานนี้ (1 ส.ค.) น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล บุตรสาวของ พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า รู้สึกไม่สบายใจกับหลายเหตุการณ์ที่ตำรวจพูดว่า เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของเครือข่าย "เสธ.แดง" พล.ต.ขัตติยะ ทั้งๆ ที่บิดาได้เสียชีวิตไปแล้ว ตำรวจมีหลักฐานเชื่อมโยงอะไร ผู้ต้องสงสัยทำงานอยู่กับบิดาหรือไม่ ไม่ใช่มาปรักปรำบิดาแบบนี้ พล.ต.ขัตติยะ เก่งขนาดนั้นเลยหรือ

น.ส.ขัตติยา กล่าวอีกว่า ถือเป็นเรื่องไร้สาระ ตำรวจชักไปกันใหญ่ อะไรๆ ก็โยงเป็นความผิดของพ่อตน เป็นการให้ข่าวผิดว่าคนคนนี้เป็นคนของ เสธ.แดง ทั้งที่ตนเองไม่เคยรู้จักกับคนที่ตำรวจบอกมาหรือจับมาได้ มีข่าวร้ายให้พ่อแบบนี้ สภาพจิตใจของตนก็ยิ่งแย่ลงไปอีก พ่อตนเองก็เสียชีวิตไปแล้ว น่าจะปล่อยไปได้แล้ว เขาหลุดโลกนี้ไปแล้ว อยากให้ไปด้วยดี

นอกจากนี้ ลูกสาว เสธ.แดง ยัง ฝากเชิญชวนประชาชนที่รู้จักและสนิทกับ "เสธ.แดง" ว่าในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ จะทำบุญครบรอบ 100 วันให้ที่วัดป่าสุขวนาราม จ.ราชบุรี

------------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : ผ้จัดการออนไลน์

วิปรัฐบาลมั่นใจเสียงพอโหวตงบฯ


TPNews, 2010-08-01 23:24:31

นายวิทยา แก้วภราดัย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) มั่นใจว่าเสียงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ฝั่งรัฐบาลมีเพียงพอที่จะลงมติผ่านร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 โดยให้สัมภาษณ์ที่โรงแรมเมอร์ลิน บีช รีสอร์ท หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ว่า ตัวเลข ส.ส.ซีกรัฐบาลไม่มีปัญหา เพราะยังมีมากกว่าฝ่ายค้าน แต่ถ้า ส.ส.รัฐบาลไม่เข้าประชุมถือว่าผิดปกติ ส่วนข่าวซื้อตัว ส.ส.ตอนแรกก็กังวลว่าจะมีฝ่ายค้านซื้อตัว ส.ส.รัฐบาล ซึ่งเป็นเรื่องน่ากังวล กรณีที่ฝ่ายค้านระบุว่า รัฐบาลทุ่มเงินซื้อตัว ส.ส.ข้อเท็จจริงอาจจะตรงกันข้าม อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่เห็นว่าซื้อตัวกันด้วยเงินเท่าไร แต่อาการมันออกว่ามาตีปลาหน้าไซแบบนี้ แสดงว่ากำลังทำอีกทาง

ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อาจซื้อ ส.ส.เพื่อเปลี่ยนรัฐบาล นายวิทยากล่าว่า ถ้าฝ่ายค้านกลับมาเล่นเกมในสภา ไม่เล่นตามสี่แยก เป็นเรื่องน่ายินดี เวลานี้ยังมั่นใจว่ารัฐบาลมีเสียงพอในการโหวต พ.ร.บ.งบประมาณ ที่ใช้เพียงเสียงข้างมาก แม้ตามกติกาสากล ถ้า พ.ร.บ.งบประมาณไม่ผ่าน รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบด้วยการยุบสภาหรือลาออก แต่ขอให้มั่นใจว่าผ่านแน่ ส่วนเสียงโหวตของวุฒิสภานั้น ต้องยอมรับว่า ส.ว.แต่ละคนมีที่มาที่ไปต่างกัน ดังนั้น อาจจะต้องไปดูรายละเอียดว่ามีคนเบี่ยงเบนอะไรหรือไม่ เพราะคนกลาง คนไม่ชอบรัฐบาลก็มี ต้องดูว่าจะสะวิงไปฝ่ายไหน

------------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : มติชนออนไลน์

วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553

กมม.เชื่อ "จักรภพ" สับขาหลอกเรื่องทักษิณ เลิกหนุนแดง


TPNews, 2010-08-01 23:16:51

นายสำราญ รอดเพชร รักษาการรองหัวหน้า และ โฆษกพรรคการเมืองใหม่ กล่าวถึงกรณี นายจักรภพ เพ็ญแข ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์เอบีซีของออสเตรเลีย โดยระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อาจจะเลิกสนับสนุนความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงนั้น ว่า เป็นประเด็นที่ยังไม่น่าเชื่อถือ เชื่อว่าเป็นการสับขาหลอก แต่มีความเป็นไปได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย อาจปรับขบวน ปรับยุทธวิธีในการเคลื่อนไหวสร้างความวุ่นวายทางการเมืองรอบใหม่

ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ว่าการที่นายจักรภพ ให้สัมภาษณ์ในลักษณะแยกพ.ต.ท.ทักษิณออกจากคนเสื้อแดง อาจเป็นเพราะจะมีความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงบางกลุ่มจากนอกประเทศในลักษณะที่จาบจ้วงต่อสถาบันเบื้องสูงหนักหน่วงรุนแรงขึ้น อาจมีการฟ้องร้องบุคคลสำคัญของประเทศไทย เช่น มีกระแสข่าวว่าขณะนี้คนเสื้อแดงบางกลุ่มได้ฟ้องนายกรัฐมนตรีและบุคคลสำคัญอื่นๆ ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศในข้อหาฆ่าประชาชน ในเหตุการณ์เม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมา

พรรคการเมืองใหม่ขอให้รัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์และตัดไฟแต่ต้นลม โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับสถาบัน ขณะเดียวกันต้องใช้สื่อของรัฐสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะลำพังเพียงแค่พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลบางพรรคขึ้นป้ายว่า “รวมพลังปกป้องสถาบัน ต่อต้านรัฐไทยใหม่” ไม่น่าจะมีผลบวกอะไรมาก

--------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์

"ธาริต" โต้แทนเมีย ปัดเงินสินบน ลั่นสู้เม้งถึงที่สุด


TPNews, 2010-08-01 23:11:12

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ตนได้ตกลงกับนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ ภรรยาแล้วว่าไม่ให้เปิดตัวหรือออกมาให้สัมภาษณ์ตอบโต้กรณีถูกพรรคเพื่อไทยกล่าวหาว่าเรียกรับเงินสินบน

เบื้องต้นขอชี้แจงว่า นายรักพงษ์ สุนาคะพันธุ์ หรือฟาง เป็นลูกพี่ลูกน้องภรรยาของตน มีอาชีพทนายความ และเปิดสำนักงานกฎหมาย รับวางแผนภาษีและจัดระบบบัญชี ในส่วนของเงินจำนวน 150,000 บาท ที่นายธีรชัย ธำรงพงศกร หรือเสี่ยเม้ง เจ้าของบริษัทมังกรเหิรฟ้า จำกัด อ้างว่าโอนเข้าบัญชีธนาคารของภรรยาในปี 2551 นั้น เป็นการชำระค่าทนายความ ค่าวางแผนภาษี และค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ไม่ใช่เงินสินบนตามที่นำมากล่าวหา โดยหลักฐานทุกรายการทนายความจะส่งให้ศาลพิจารณา ซึ่งภรรยาของตนจะขอใช้สิทธิต่อสู้คดีทั้งทางแพ่งและอาญา

อย่างไรก็ตาม กรณีการร้องเรียนให้ตรวจสอบนางวรรษมล ฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับสินบนนั้น อาจไม่เข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย เนื่องจากขณะเกิดเหตุนางวรรษมล เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายคดีของกรมสรรพสามิต พื้นที่ปทุมธานี ไม่ใช่เจ้าหน้าที่กรมสรรพากร จึงไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการประเมิน หรือเรียกเก็บภาษีในเขตบางกะปิ กทม.

ที่ผ่านมา หน่วยงานตรวจสอบในกระทรวงยุติธรรม อาทิ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้ว พบว่าอยู่นอกอำนาจหน้าที่ เนื่องจากผู้ถูกร้องไม่ได้กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ จึงไม่สามารถดำเนินการตรวจสอบในขั้นต่อไปได้ เว้นแต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจะใช้อำนาจว่าด้วยการบริหารราชการแผ่นดิน มอบหมายให้หน่วยงานใดเข้าไปตรวจสอบเพื่อให้เกิดความโปร่งใส.
-------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์

วันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2553

คำแปลสัมภาษณ์พิเศษของ จักรภพ เพ็ญแข ต่อ สถานีโทรทัศน์แห่งชาติออสเตรเลีย (ABC)


คำแปลสัมภาษณ์พิเศษของ จักรภพ เพ็ญแข ต่อ สถานีโทรทัศน์แห่งชาติออสเตรเลีย (ABC)
โดย : ทีมงาน TPNews
ออกอากาศ : วันศุกร์ที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๓
ผู้สื่อข่าว : โซอี เดเนียล

ผู้ประกาศ ลีห์ เซเลส: ผู้นำอาวุโสในขบวนการประท้วงเสื้อแดงของไทยเผยกับรายการ “เลทนิวส์” ว่าขณะนี้มีผู้สนับสนุนการเงินจากต่างประเทศเพื่อสนับสนุนขบวนการเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐในเมืองไทย

จักรภพ เพ็ญแข ยังกล่าวด้วยว่า อดีตนายกรัฐมนตรีและมหาเศรษฐี ทักษิณ ชินวัตร อาจกำลังพิจารณายุติบทบาทและความเกี่ยวข้องกับขบวนการประชาธิปไตย

นายจักรภพฯ ให้สัมภาษณ์กับ ABC จากสถานที่ที่ไม่เปิดเผยนอกเขตไทย เนื่องจากกำลังลี้ภัยทางการเมืองอยู่

ผู้สื่อข่าวประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรา โซอี แดเนียล รายงาน

โซอี แดเนียล: ในกรุงเทพฯ ทางการกำลังตรวจสอบหลักฐานหลังเหตุระเบิดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นครั้งที่สองในรอบสัปดาห์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต ๑ คน บาดเจ็บอย่างน้อย ๙ คน

นี่คือภาพสะท้อนของความปั่นป่วนทางการเมืองที่เคลื่อนลงใต้ดิน นับตั้งแต่รัฐบาลเข้าสลายชุมนุมต่อต้านอำนาจรัฐของคนเสื้อแดงเมื่อเดือนพฤษภาคม

จักรภพ เพ็ญแข คือคนหนึ่งที่กำกับการเคลื่อนไหวจากแดนไกล เขาเคยเป็นมือขวาของ ทักษิณ ชินวัตร และกำลังลี้ภัยการเมืองอยู่ในขณะนี้ เนื่องมาจากกิจกรรมต่อต้านรัฐบาลและข้อกล่าวหาว่าหมิ่นสถาบันกษัตริย์

เขาให้สัมภาษณ์กับ ABC จากสถานที่ที่ไม่เปิดเผย ยืนยันชัดเจนว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยว่ากำลังทำหน้าที่ประสานงานในขบวนประชาธิปไตยและมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในขบวนการนั้น

จักรภพ: ใช่ เราตั้งกลุ่มยุทธวิธีขึ้นมาช่วยเหลือให้คำแนะนำต่างๆ ให้กับแกนนำในการชุมนุมในเมืองไทย

โซอี: แล้วคุณคิดว่าได้แนะนำถูกต้องแค่ไหน เมื่อดูจากผล?

จักรภพ: ไม่ใช่ความถูกผิดของคำแนะนำหรอก ประเด็นอยู่ที่ระบบบริหาร จนในที่สุดก็มาถึงวันที่แกนนำบนเวทีบางส่วนมีความเข้มข้นจริงจังน้อยกว่ามวลชนที่เข้าร่วมชุมนุม

โซอี: คุมไม่อยู่หรือ?

จักรภพ: มีส่วน การปราบปรามประชาชนเมื่อเดือนเมษายนและพฤษภาคม ป่าเถื่อนและไร้มนุษยธรรม แต่พอจะคาดหมายได้ว่าจะเกิดขึ้น

โซอี: คุณพูดว่าการปราบปรามป่าเถื่อนและไร้มนุษยธรรม แต่อาวุธไม่ได้มีเฉพาะในฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น คุณยอมรับตรงนี้ไหม?

จักรภพ: ผมยอมรับ แต่ผมไม่ยอมรับว่ามีการจัดตั้งขบวนการติดอาวุธขึ้นสู้กับรัฐบาล ตามที่รัฐบาลสร้างเรื่องกล่าวหาขึ้น

โซอี: นั่นอาจจะถูก แต่เราได้เห็นการโจมตีด้วยระเบิดมือหลายครั้ง และบางส่วนของฝ่ายเสื้อแดงก็น่าจะมีการใช้อาวุธมากกว่าที่ได้กล่าวมา อย่างการระเบิดระลอกล่าสุด ใครทำ?

จักรภพ: เราไม่รู้

โซอี: ไม่ใช่คุณหรือ?

จักรภพ: ไม่ใช่ผมและไม่ใช่...

โซอี: คุณไม่ได้จัดตั้งขบวนการติดอาวุธเช่นนี้หรือ?

จักรภพ: ไม่ และไม่มีใครที่เกี่ยวข้องกับเราทำด้วย

โซอี: คุณจักรภพฯ ยอมรับว่าเขาอาจจะถูกสังหารหากเดินทางกลับประเทศ เขาจึงลี้ภัยอยู่ เขากล่าวด้วยว่า อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร อาจจะยุติบทบาทในขบวนการ หากเป็นเช่นนั้นจะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างไร?ขณะนี้เหมือนทุกอย่างหยุดชะงักหมด?

จักรภพ: ถูก

โซอี: ขณะนี้คุณไม่เจรจา ยังไม่มีทางเลือกใดๆ สู่ความสมานฉันท์ ฐานะของคุณทักษิณอยู่ตรงไหนในการกำหนดยุทธศาสตร์ชนิดวันต่อวัน?

จักรภพ: ท่านนายกฯ ทักษิณฯ ยังอยู่ในภาพ ท่านคือสัญลักษณ์ที่แจ่มชัดของขบวนการ แต่ท่านกำลังใช้เวลาพิจาณาก้าวเดินต่อๆ ไปของตัวท่านเอง ไม่ใช่ของขบวนการ

โซอี: คุณหมายความว่าอย่างไร?

จักรภพ: ผมคิดว่าท่านกำลังประเมินสถานการณ์ว่ายังคงคุ้มค่าที่จะต่อสู้อยู่หรือไม่

โซอี: จริงหรือ?

จักรภพ: อาจเป็นเช่นนั้น

โซอี: ทำไม?

จักรภพ: ผมพูดแทนท่านไม่ได้ ผมไม่ได้ทำงานใกล้ชิดกับท่านมากพอที่จะพูดอะไร แต่ผมเชื่อว่าทุกคนในขบวนการ รวมทั้งท่านด้วย สามารถกำหนดจุดยืนใหม่ของตนเองได้ ผมพูดได้เพียงเท่านั้น

โซอี: คุณคิดว่าเขาอาจจะถอนตัวหรือลดบทบาทการนำหรือ?

จักรภพ: ผมไม่ได้พูดเช่นนั้น ผมพูดว่าท่านมีสิทธิ์ที่จะนั่งคิดในเรื่องนี้

โซอี: แล้วขบวนการจะเป็นอย่างไรถ้าคนสำคัญๆ ถอนตัวจากการนำ?

จักรภพ: ประเด็นที่เผชิญหน้าเราอยู่คือเราจะได้รับความสนับสนุนอย่างไร แต่ปีที่แล้วทั้งปี ก็พิสูจน์แล้วว่าการสนับสนุนมาจากแหล่งอื่นๆ ได้ ไม่จำเป็นต้องมาจากคุณทักษิณฯ จากครอบครัวของท่าน หรือผู้ที่ท่านมอบหมาย

โซอี: พูดถึงเรื่องเงินหรือ?

จักรภพ: เรื่องเงิน เรื่องสถานที่อยู่ที่ปลอดภัย เรื่องความร่วมมือกับรัฐบาลที่เราไปพำนักและอาศัยอยู่กับเขา เรื่องต่างๆ เหล่านี้เราได้รับความสนับสนุนอย่างเป็นธรรมชาติในช่วงที่ผ่านมา ระบบในอดีตอาจจะแน่นเกินไปสักหน่อย ช่วงปีที่ผ่านมาเมื่อเราออกนอกระบบนั้น ก็รู้สึกผ่อนคลายดี และทำให้เรารู้ว่าแหล่งสนับสนุนสากลพอจะแสวงหาได้ เราจึงให้ความสำคัญกับการอธิบายความในต่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ

โซอี: หมายความว่าเขาช่วยบริจาคทุนเพื่อให้ขบวนการอยู่ได้หรือ?

จักรภพ: ถูกต้อง

โซอี: ต่างชาติหรือไทย?

จักรภพ: โดยเฉพาะต่างชาติ

โซอี: คุณจักรภพฯ ขอบคุณที่สละเวลาให้กับเรา

-----------------------------------------------------------------------------------------------
รายงานข่าวภาษาอังกฤษฉบับเต็ม

Red Shirts now coordinated from outside Thailand
Australian Broadcasting CorporationBroadcast: 30/07/2010Reporter: Zoe Daniel

************************************************************************
Senior Red Shirts figure Jakrapob Penkair says international donors are now funding the campaign for a change of Thai government.
************************************************************************
Transcript

LEIGH SALES, PRESENTER: A senior leader of Thailand's Red Shirt protest movement has told Lateline that international donors are now funding its campaign for a change of government.
Jakropob Penkair also says the former prime minister and billionaire Thaksin Shinawatra is considering ending his involvement with the movement.

Mr Penkair spoke to the ABC from a secret location outside Thailand because he's on the run from arrest.

South-east Asia correspondent Zoe Daniel reports.

ZOE DANIEL, REPORTER: In Bangkok, authorities sift through evidence after yet another explosion. Twice this week, small devices have gone off in the city, one man is dead, at least nine hurt.

It's a reflection of simmering political unrest that's gone underground since anti-government Red Shirt protests were dispersed by the army in May.

Jakropob Penkair is one of those pulling the strings from afar. A former right-hand man to exiled former prime minister Thaksin Shinawatra, he's been on the run himself since last year to avoid arrest for anti-Government political activity and alleged criticism of the revered monarchy.

Speaking to the ABC in a secret location outside Thailand he vows that he's not behind the violence, but he was playing a co-ordinating role during the civil unrest and remains involved.

JAKROPOB PENKAIR, RED SHIRTS LEADER: Yes, we have had a group that help with the advice, with the suggestions, to the leaders at the stage at the rally.

ZOE DANIEL: Do you think the suggestions you made were the right ones, now that we've seen how things unfolded?

JAKROPOB PENKAIR: It was not about the right and wrong of the advice, it's about the disorganisation of the mass rally. I believe that it came to the point that the leaders on-stage had become less vigorous than the people who joined the rally.

ZOE DANIEL: They'd lost control of the group?

JAKROPOB PENKAIR: I think so. The crackdowns on April and May this year was brutal, inhumane, but expected.

ZOE DANIEL: You say that the crackdown was brutal and inhumane, but the weapons weren't only on the government side, were they? You accept that?

JAKROPOB PENKAIR: I accepted that, but I would not accept the Government's version that there was any organised uprising against them.

ZOE DANIEL: That may to be case, although - well we did see a number of grenade attacks, we do know that there was an element of the Red Shirt movement that was more heavily armed than the way that you suggest, and even since the protests, we've seen a number of bombings, one quite recent, in Bangkok. Who's co-ordinating that?

JAKROPOB PENKAIR: We don't know.

ZOE DANIEL: Not you?

JAKROPOB PENKAIR: And I could say it is not me, and it's not ...

ZOE DANIEL: You're not co-ordinating any sort of armed uprising?

JAKROPOB PENKAIR: No. It's not anyone related to us at all.

ZOE DANIEL: Jakropob Penkair claims he'd be killed if he returned to Thailand. He's in exile and the other Red Shirt leaders are in jail or hiding as well. He also says that former prime minister Thaksin Shinawatra may leave the movement altogether, so how can it achieve the change that it wants?

It's still a stalemate position.

JAKROPOB PENKAIR: Yes.

ZOE DANIEL: You're not talking. There's no option for reconciliation. Where is Mr Thaksin in all of this in terms of being involved in the day-to-day strategy of the movement?

JAKROPOB PENKAIR: Yes, I would say that he's still in the picture. He remains a strong symbol to our movement. But he's pondering the next steps and that would be for him more than for the movement.

ZOE DANIEL: What do you mean?

JAKROPOB PENKAIR: I think that he is re-evaluating whether or not that it is a fight worth fighting.

ZOE DANIEL: Really?

JAKROPOB PENKAIR: Maybe.ZOE DANIEL: Why?

JAKROPOB PENKAIR: I couldn't say for him. I haven't worked with him closely enough to say that, but I think that people in the movement, Kun Thaksin included, have the right to reposition themselves. That's all I can say.

ZOE DANIEL: You think he might decide to bow out, take a back seat?

JAKROPOB PENKAIR: I wouldn't say that, but I think that he has the right to be pondering about it.

ZOE DANIEL: Where would that leave the movement if the rank and file of the movement lost their symbolic leader?
JAKROPOB PENKAIR: The confronting issue is that how the movement would get its support. And in the past year it proves that its support could come from elsewhere. It doesn't have to come from Kun Thaksin and his family or his assigned people.

ZOE DANIEL: Are you talking money now?

JAKROPOB PENKAIR: Talking money, talking about the safe place to stay, talking about the co-operation of respective government in the countries that we visit or stay - all those things.
We have been receiving, in a more natural way than before - in other words, we have had such a controlled system before, and then it's quite a relief to see that in the past year, there are a lot more universal support too of course, but we have the duty to make it clearer to the people out there, especially foreigners.

ZOE DANIEL: So, you're saying that others are donating financially to the cause to keep you going?

JAKROPOB PENKAIR: Yes. Yes, they have.

ZOE DANIEL: Internationally as well as Thais?
JAKROPOB PENKAIR: Especially internationally.

ZOE DANIEL: Jakropob Penkair, thanks for your time.

LEIGH SALES: Zoe Daniel, out South Asia correspondent there.

********************************************************************************

SMS 2009-08-01

1. "ปชป.เปิดขุมทรัพย์ 8 รมต.ใหม่" (Wap Ling)

2. "สตง.ป่วน! รองผู้ว่าฯ ยันหนังสือเวียน"จารุวรรณ"กลับมาปฏิบัติหน้าที่มิชอบ"

3. "คอนเสิร์ต"จากเพื่อนถึงเพื่อน"ข้างวัดอ้อมน้อยวันนี้ 15 น.ซื้อบัตรหน้างาน"

4. "รถไฟฯ ปรับค่าโดยสารชั้น 1 และ 2 ขึ้น 10% มีผล 1 ต.ค. 53 ส่วนชั้น 3 ยังไม่ขึ้น"

5. "พท.ฉะรัฐเน้นทุ่มงบให้กองทัพเมินปากท้องปชช.-ควรตระหนักด้วยว่าใช้เงินกู้อยู่"

6. "ป.ป.ช.กร้าว จัดการส.ส.ไม่เข้าประชุมไม่ส่งลงเลือกตั้ง-ถอดพ้นรัฐมนตรี"

7. "พท.ชี้เลื่อนถกพระวิหารแค่ซื้อเวลา ซัด"มาร์ค"เอาดีใส่ตัวชั่วใส่"นพดล"

8. "NBT เปิดผังรายการใหม่ จัดเวลาให้ "วิปฝ่ายค้าน" มีโอกาสพูดออกอากาศ"

9. "เพื่อไทยปูดคนรัฐบาลเสนอเงิน 8 หลักพ่วงตำแหน่งดูดฝ่ายค้าน"

10. "ผลสลากงวด 1 ส.ค. รางวัลที่ 1-210008 เลขท้าย 3 ตัว-769,182,727,191- 2 ตัว 10"

11. "พท.จี้รัฐสางคดีเหยื่อ"ไทย-สื่อเทศ"พบสอบสวนล่าช้าผิดปกติ อับอายทั่วโลก"

----------------------------------------------------------------------------------------------

ป.ป.ช.เปิดขุมทรัพย์ 8 รมต.ใหม่ ฮือฮา"องอาจ"รวยขึ้น 13 ล้าน "จุติ-เมีย"หุ้นสื่อสาร 3 บริษัท หายเกลี้ยง!


TPNews, 2010-08-01 00:21:50

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จำนวน 8 คน ที่เข้ารับตำแหน่งใหม่เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2553 โดยมีบัญชีทรัพย์สินที่น่าสนใจ อาทิ

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีทรัพย์สิน 47,859,857 บาท (เงินลงทุน 16,999,400บาท) ขณะที่นางอโณทัย คล้ามไพบูลย์ คู่สมรส มีทรัพย์สิน 23,310,384 บาท รวมมีทรัพย์สิน 71,670,241 บาท

นายมั่น พัธโนทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มีทรัพย์สิน 3,774,640,342 บาท แต่มีหนี้สินค้ำประกัน 3,757,650,909 บาท รวมมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน 16,989,432 บาท

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีทรัพย์สิน 18,836,621 บาท นางธันยวีร์ ศรีอ่อน คู่สมรส มีทรัพย์สิน 46,933,396 บาท บุตรไม่บรรลุนิติภาวะ 3,912,478 บาท รวม 69,682,495 บาท

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) มีทรัพย์สิน 15,008,489 บาท นางสมานจิตต์ คู่สมรส 14,339,204 บาท รวม 29,347,693 บาท หนี้สินประมาณ 16.5 ล้านบาท

นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีทรัพย์สิน 334,392,430 บาท

นายไชยยศ จิรเมธากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มีทรัพย์สิน 123,999,242 บาท มีหนี้สิน 16,592,802 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 107,406,440 บาท

ทั้งนี้ ตอนรับตำแหน่ง ส.ส. นายเฉลิมชัย แจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป.ป.ช. วันที่ 22 มกราคม 2551 ระบุว่า มี 29,722,469 บาท นางธันยวีร์ (นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลปราณบุรี) คู่สมรส 33,750,595 บาท บุตรไม่บรรลุนิติภาวะ 2,902,369 บาท รวม 66,375,461 ล้านบาท หนี้สิน 6 แสนบาทเศษ

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ แจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน คราวเดียวกัน (ขณะโสด) มีทรัพย์สิน 34,863,068 บาท ไม่มีหนี้สิน (ถ้าเทียบกับครั้งล่าสุดเฉพาะนายองอาจมีทรัพย์สินมากขึ้นประมาณ 13 ล้านบาท)

นายจุติ ไกรฤกษ์ แจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. คราวเดียวกัน ระบุว่ามีทรัพย์สิน 7,243,052 บาท นางสมานจิตต์ คู่สมรส 10,692,411 บาท หนี้สินประมาณ 26.2 ล้านบาท (เงินเบิกเกินบัญชี) มีหนี้สินมากว่าทรัพย์สิน 8.3 ล้านบาท

น่าสังเกตว่า นายจุติและภรรยาเคยระบุว่าถือครองหุ้น การบินไทย ,ทีทีแอนด์ที ,ชินคอร์ป และทรู ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าเป็นหุ้นที่เป็นคู่สัญญาสัมปทานรัฐหรือไม่ การยื่นบัญชีฯล่าสุด นายจุติมิได้แจ้งว่าถือครองหุ้นดังกล่าวแต่อย่างใด

----------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : มติชนออนไลน์

ทีมทนาย"แดง"ตีปีกยึด"วีระ"โมเดล ยื่นขอประกันตัว "ก่อแก้ว-หมอเหวง"


TPNews, 2010-08-01 00:31:17

ทีมทนายความแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เตรียมการยื่นขอประกันตัว แกนนำที่ถูกคุมขังในข้อหาก่อการร้ายเป็นรายคน ภายหลังที่ประชุมใหญ่ศาลอุทธรณ์ มีมติให้ประกันตัวนายวีระ มุสิกพงศ์ ประธานกลุ่ม นปช.ที่ยื่นข้อให้ปล่อยตัวชั่วคราวไปเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา

นายคารม พลทะกลาง ทนายความเสื้อแดง ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ว่า ทีมทนายความจะดำเนินการยื่นขอประกันตัวแกนนำทีละคนในวันที่ 3 สิงหาคม เริ่มจากการยื่นขอประกันตัว นายก่อแก้ว พิกุลทอง และยื่นอุทธรณ์การประกันตัว นพ.เหวง โตจิราการ ในลำดับถัดจากนั้น โดยใช้เหตุผลเรื่องที่ทั้งคู่ไม่ได้มีพฤติกรรมที่จะก่อการร้ายหรือใช้ความรุนแรง และเป็นแกนนำที่เดินตามแนวทางสันติวิธีมาโดยตลอดเช่นเดียวกันกับนายวีระ ประกอบกับเหตุผลส่วนตัวที่นายก่อแก้วต้องดูแลครอบครัว ภรรยา ธิดา และธุรกิจ ขณะที่ น.พ.เหวงนั้น มีปัญหาเรื่องสุขภาพและต้องดูแลธุรกิจคลีนิค ที่สำคัญคือทั้งสองคนเข้ามอบตัวด้วยตัวเอง ไม่ได้มีเจตนาที่จะหลบหนี โดยใช้บรรทัดฐานเดียวกับกรณีที่ศาลอนุญาตให้ประกันตัวนายวีระ รวมทั้งวางหลักทรัพย์จำนวน 6 ล้านบาทในการประกันตัวเช่นเดียวกับนายวีระด้วย

นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ นปช.กล่าวว่า การยื่นประกันตัวนายก่อแก้ว และ นพ.เหวงครั้งใหม่ในวันที่ 3 สิงหาคม โดยช่องทางการยื่นอุทธรณ์ จะอ้างอิงถึงคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวนายวีระ ซึ่งยืนยันว่านายก่อแก้ว และ นพ.เหวง พร้อมจะปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนดทุกประการ สำหรับมูลค่าหลักทรัพย์นั้นให้เป็นดุลพินิจของศาล ก่อนหน้านี้หลักทรัพย์ที่นายก่อแก้วยื่นเป็นเงินสดจำนวน 2 ล้านบาท และ นพ.เหวงมีเงินสด 2 ล้านบาท บวกกับที่ดินอีกประมาณ 7 ล้านบาท

ทั้งนี้ ช่วงบ่ายวันที่ 2 สิงหาคม ทีมทนายจะยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการในคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีความเห็นสมควรสั่งฟ้อง 25 แกนนำ นปช.ฐานร่วมกัน หรือใช้ หรือสนับสนุนผู้อื่น ให้กระทำความผิดฐานก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1-3 ด้วย ส่วนประเด็นรายละเอียดการร้องขอความเป็นธรรมนั้น ไม่สามารถเปิดเผยในขณะนี้ได้

----------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : มติชนออนไลน์