Jakrapob-รำลึกวีรชน19พ.ค.-ราชประสงค์

วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553

SMS 2009-06-11

1. พท.ค้านแผนปรองดอง ฉะนายกฯ สร้างภาพ (Wap Link)

2. "สุเทพ"จ้อไม่วิจารณ์"พีซทอล์ค" ไม่มั่นใจเป้าประสงค์ ไม่ถนัดภาษาอังกฤษ

3. "ปทีป" แจงแต่งตั้งตร.ช้าเพราะการเมือง จี้ 7 ก.ค.ต้องเสร็จ พร้อมบังคับใช้ 16 ก.ค.

4. "สุเทพ" โบ้ย "พีระพันธุ์" รมว.ยุติธรรมตอบ ตั้ง"คัมภีร์"สอบคดีฆ่าตัดตอน

5. "สุเทพ"ลั่นพร้อมคืนที่เขาแพงทั้งแปลงถ้าทำผิด!-เมินแดงไม่ร่วมแผนปรองดอง

6. เช้านี้ดัชนีฯ ปิดที่ 769.42+1.26(+0.16%) มูลค่าการซื้อขาย 10,775.72 ล.

7. 'พล.อ.สนธิ" ชี้รบ.ชงรื้อคดีฆ่าตัดตอนสวนทางปรองดอง ห่วงปัญหาความขัดแย้ง

8. "ดร.คณิต" แถลงจะเดินทางพบแกนนำแดงค่ายนเรศวรบ่ายวันจันทร์ที่ 14 มิ.ย.

9. จม.เปิดผนึกจาก"นพดล"ถึง"นายกฯ" จี้เปิดเจรจาสันติภาพ เชิญทุกสีทุกฝ่ายร่วมเขียน

10. "นพดล" เผย "พ.ต.ท.ทักษิณ" จะส่งตัวแทนเจรจาปรองดอง/"เฉลิม" ฟันธงปชป.ไม่ถูกยุบ

11. ส.ส.พท.เก็บข้อมูลเตรียมแฉในสภา ใครฆ่าอ้วน บัวใหญ่/สุเทพรีบปัดรบ.ไม่เกี่ยว

12. ศาลอาญายกคำร้องศอฉ.ควบคุมตัวสมยศฯต่อ ชี้ไม่มีเหตุวุ่นวาย-ให้ปล่อยตัว

13. "พร้อมพงศ์" ขอ "ถาวร เสนเนียม" อำนวยความสะดวกลงพื้นที่ "เขาแพง" เกาะสมุย

14. วันนี้ดัชนีฯ ปิดที่ 769.55+1.39 (+0.18%) มูลค่าการซื้อขาย 19,695.93 ล.

15. นายกฯ ดอดพบ"อานันท์" 2 ช.ม.ก่อนกลับบ้าน ปัดตอบสื่อเชิญนั่งปธ.ปฏิรูปประเทศ

-----------------------------------------------------------------------------------------------

"จตุพร"ยอมรับเสื้อแดงตจว.เจอหนักกว่า หลังแกนนำโคราชถูกลอบสังหาร


TPNews, 2010-06-10 23:30:49

เมื่อเวลา 14.30 น.ที่พรรคเพื่อไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่การดำเนินการแผนปรองดองของรัฐบาล ว่า รัฐบาลพยายามสร้างภาพในหลายเรื่อง โดยการพูดอย่างหนึ่งทำอีกอย่างหนึ่ง สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ทำอยู่ในขณะนี้เป็นไปเพื่อต้องการกลบเกลื่อนคดีการสั่งปราบปรามประชาชน ทั้งนี้ทราบดีกว่าสังคมต้องการความสงบความปรองดอง ซึ่งตนก็ยอมรับเพียงแต่ขอให้คนที่สั่งฆ่าประชาชนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้เป็นแบบอย่างด้วย

นายจตุพร กล่าวว่า สำหรับการแต่งตั้งนายคณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุด ให้เป็นประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม-19 พฤษภาคมนั้น ตนไม่ทราบว่านายอภิสิทธิ์ตั้งได้อย่างไร ทั้งที่รู้ว่าต้องถูกสังคมตั้งข้อสงสัย โดยเฉพาะการนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เคยเป็นลูกน้องนายคณิต ดังนั้นนายคณิตที่เคยเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองมาแล้ว สมควรที่จะตระหนักว่าสังคมเขาไม่เชื่อถือไม่ยอมรับตั้งแต่วันแรก แล้วจะดื้อด้านอยู่ต่อไปทำไม รวมไปถึงการแต่งตั้งนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) มาเป็นประธานคณะกรรมการศึกษาและปฏิรูปการเมืองตามแผนปรองดองก็เช่นเดียวกัน เพราะนายสมบัติเป็นพวกเดียวกับคณะยึดอำนาจและเข้าไปแก้ไขรัฐธรรมนูญ อย่างนี้หรือที่เรียกว่าปรองดอง ขอถามไปยังนายอภิสิทธิ์ว่าในทางปฏิบัติเคยทำอะไรบ้างหรือยังที่จะนำไปสู่การปรองดองที่แท้จริง

นายจตุพร กล่าวว่า การใช้ดีเอสไอ หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติไล่ล่าประชาชน วันนี้รัฐบาลก็ยังไม่หยุดเลย มีการตั้งข้อกล่าวหาที่ไม่มีเหตุผล และคุกคาม นอกจากจะไปสั่งอายัดบัญชีเขาแล้วหลังเข้ามอบตัวก็ยังส่งคนไปจับเขาอีก

"นายอภิสิทธิ์ (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี) และนายสุเทพ (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ) อยากอยู่เป็นชาติก็อยู่ไปเถอะ อยากยุบสภาตอนไหนก็ยุบ แต่อย่ามาบอกว่าคุณกำลังจะปรองดองเพราะคุณยังคุกคามประชาชนอยู่ และมากกว่าเหตุการณ์เมื่อวันที่ 6 ตุลาฯด้วยซ้ำ ใครเห็นต่างกับรัฐบาลก็ออกหมายจับไปทั่วประเทศ" นายจตุพรกล่าว

นายจตุพร กล่าวถึงกรณีที่แกนนำคนเสื้อแดง สายโคราช ถูกลอบสังหาร ว่า ทราบข่าวคร่าวๆ และรู้ว่าเป็นโชคชะตาอันหนึ่ง มาจากการแสดงผลงานตามไล่ตามจับ พัฒนาขึ้นมาเป็นการเข่นฆ่า ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องทำให้ความจริงปรากฏว่าสาเหตุเกิดขึ้นจากอะไรหรือรัฐบาลกล้ายอมรับว่าใครเห็นต่างกับตัวเองต้องได้รับชะตากรรมเช่นนี้ ยืนยันว่าขณะนี้คนเสื้อแดงไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เสื้อแดงต่างจังหวัดได้รับชะตากรรมมากว่าพวกตนหลายเท่า อย่างคนที่ตายไป และหลายคนไม่สามารถอยู่บ้านได้ครอบครัวก็เดือดร้อนทั้งที่มาต่อสู้มือเปล่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต้องสร้างความกระจ่างให้เกิดขึ้น ว่าคนที่มีความคิดเห็นต่างหลังจากล้อมปรามยังตามไปฆ่าเขาที่บ้านใช่ไหม สำหรับการให้ความช่วยเหลือนั้นทั้งนี้วันนี้ต้องอาศัยพี่น้องที่ไม่ถูกอายัดธุรกรรมทางการเงินก็ช่วยๆ กันไปก่อน

เมื่อถามว่าปักใจหรือไม่ว่ามูลเหตุการณ์สังหารแกนนำเสื้อแดงมาจากเรื่องการเมือง นายจตุพร กล่าวว่า เขามาชุมนุมกลับไปตาย แต่ทั้งหมดนี้ต้องรอผลการชันสูตรพลิกศพต่อไป เรื่องนี้ทำให้ตนต้องระวังชีวิตทุกวัน วันนี้ตนพูดถึงแกนนำโคราชที่ตายแต่ไม่รู้ว่าวันไหนจะมีคนอื่นมาพูดถึงตนบ้าง

นายจตุพร ยังกล่าวถึงกรณีที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเสนอให้มีการเจรจาสันติภาพ ว่า นายสุเทพ ก็ออกมาปฏิเสธแล้ว ทั้งที่สิ่งที่นายนพดลเสนอมาถือเป็นทางออกที่ดี แต่รัฐบาลยังคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชนะ และยังมีอาวุธที่จะปราบปรามประชาชนอย่างเหลือเฟือ

-----------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : มติชนออนไลน์

"อภิสิทธิ์" ลุยปรองดองเป็นของขวัญปีใหม่


TPNews, 2010-06-10 23:16:48

(10 มิ.ย.) หลังจากเคารพธงชาติ เวลา 18.01 น. ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้อ่านจดหมายจากนายกรัฐมนตรีถึงประชาชนชาวไทย ประกาศเชิญชวนประชาชน "ร่วมเดินหน้าปฏิรูประเทศไทย" ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ดังนี้

"พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รัก หลายปีที่ผ่านมาเราได้สะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่สร้างความบอบช้ำให้ประเทศชาติและประชาชนอย่างรุนแรงหลายเหตุการณ์ สิ่งที่น่าเจ็บปวดที่สุดก็คือความรุนแรงและความสูญเสียที่เกิดขึ้นทั้งหมด ล้วนแล้วแต่มาจากการกระทำของคนไทยด้วยกันเองทั้งสิ้น ผมมั่นใจว่าพี่น้องที่รักชาติบ้านเมืองทุกคน ไม่มีใครอยากเห็นความรุนแรง หรือความสูญเสียเกิดขึ้นอีก เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายลึกซึ้งเกินกว่าที่จะเยียวยาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นทางด้านจิตใจ

วันนี้ประเทศไทยต้องเดินหน้า แต่ความโกรธ ความเคียดแค้นและความชิงชัง ไม่สามารถสร้างอนาคตให้ประเทศไทยและลูกหลานไทยได้ ถึงเวลาแล้วที่เราจะปรองดองเพื่อปฏิรูปประเทศไทย รวมใจเป็นหนึ่งเพื่อปกป้องสถาบันหลักของชาติ สร้างความเสมอภาค สื่อสารถึงกันอย่างสร้างสรรค์ ค้นหาและยอมรับความจริง โดยมีการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย มีประสิทธิภาพและโปร่งใส ทั้งหมดนี้รัฐบาลจะทำให้เกิดขึ้นฝ่ายเดียวไม่ได้ แต่พี่น้องประชาชนทุกคน ทุกฝ่าย จะต้องช่วยกัน โดยผมจะจัดให้มีการรับฟังทุกเสียง ทุกความคิด ให้เราก้าวข้ามวิกฤตเพื่อสร้างอนาคตใหม่ให้ประเทศไทย

ถึงเวลาแล้วที่เราจะร่วมกันสร้างบ้านของเราด้วยกัน ผมจึงขอถือโอกาสนี้เชิญชวนคนไทยทุกคนร่วมกันเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย ด้วยความเชื่อมั่นในพี่น้องคนไทยทุกคน สวัสดีครับ"

จากนั้นนายอภิสิทธิ์ กล่าวผ่านทีวีพูลโดยมีตัวแทนภาคส่วนต่างๆ ที่ร่วมประชุมกับนายกฯ ยืนรวมกันที่บันไดภายในตึกไทยคู่ฟ้าว่า วันนี้ตนและรัฐบาลอยากจะเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคนร่วมกันปรองดองเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปสร้างอนาคตใหม่ให้กับประเทศไทย ซึ่งวันนี้รัฐบาลได้จัดกิจกรรมหลายกิจกรรมเพื่อเป็นการส่งสัญญาณของการเริ่มต้นในกระบวนการนี้ เมื่อเช้าวานนี้ (วันที่ 10 มิ.ย.) ได้จัดพิธีทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคลต่อประเทศไทย ซึ่งการหลอมรวมจิตใจการขับเคลื่อนโดยการเชิญชวนทุกภาคส่วนของสังคมเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จในเรื่องของการปรองดอง เพื่อนำไปสู่การปฏิรูป ในช่วงเย็น (วันที่ 10 มิ.ย.) ตนได้เชิญหลายภาคส่วนที่จะช่วยกันขับเคลื่อนประเทศไทย อาทิ ครม. ราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้าน สื่อสารมวลชน ตัวแทนภาควิชาการ ภาคธุรกิจเอกชน เป็นต้น

สิ่งที่น่ายินดีนอกเหนือจากที่ประชาชนจะได้รับรู้รับทราบความพยายามในการขับเคลื่อนแผนปรองดอง 5 ข้อ ได้มีการรายงานความคืบหน้าในการตั้งกลไกต่างๆ ซึ่งทุกภาคส่วนได้ทำงานล่วงหน้าไปแล้ว มีความคิดริเริ่มมีกิจกรรมดีๆ หลายกิจกรรม ซึ่งจะส่งเสริมทำให้การปรองดอง การปฏิรูป นำไปสู่การสร้างบ้านที่เป็นอนาคตใหม่ของประเทศไทย น่าจะเป็นไปได้ด้วยดี ไม่ว่าจะเป็นองค์กรส่วนท้องถิ่นหลายแห่ง ได้มีการริเริ่มทำความเข้าใจ และระดมประชาชนมาทำกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความสามัคคีตามแผนปรองดอง กำนัน – ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งมีความพร้อมมีเครือข่ายที่จะทำความเข้าใจกับประชาชน ถึงวัตถุประสงค์และเป้าหมายสำคัญของแผนปรองดอง เป็นต้น ภาคธุรกิจเอกชนเริ่มทำงานแล้ว ในการจับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจที่จะมาหนุนช่วย ให้เรื่องการสร้างความเสมอภาคสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจมีความเป็นไปได้ ธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก ธุรกิจชุมนุม สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นมิตร

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับสื่อสารมวลชนได้มีการทบทวนถึงบทบาทต่างๆ ที่จะนำไปสู่ความจำเป็นในการปฏิรูปการใช้ทรัพยากรของภาคสื่อสารมวลชนเอง ในการขับเคลื่อนแผนปรองดองและการปฏิรูปประเทศไทย รวมไปถึงภาควิชาการที่จะมีบทบาทสำคัญยิ่งในการระดมพลังที่จะเป็นพลังที่สำคัญที่สุดพลังหนึ่งคือ พลังของคนหนุ่มสาวที่มีทั้งความบริสุทธิ์ มีทั้งพลังแห่งการสร้างสรรค์ในการที่จะมาขับเคลื่อนเรื่องของกระบวนการปรองดองและการปฏิรูป และที่มายืนอยู่ตรงนี้เป็นเพียงส่วนเล็กๆของสังคมที่มีความพร้อมและได้เริ่มเดินหน้าไปแล้ว แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือการมีส่วนร่วมของประชาชนต่อไป ไม่ว่าจะเป็นใคร อยู่ที่ไหน มีความคิดความอ่านทางการเมืองอย่างไร ผมขอยืนยันว่าวันนี้เราพร้อมแล้วที่จะให้ทุกคนมีส่วนร่วมกับกระบวนการนี้

นายกฯ กล่าวอีกว่า ขอให้ประชาชนได้ติดตามข่าวสารเพื่อจะได้ทราบถึงช่องทางในการที่จะเข้ามามีส่วนร่วมทั้งการให้ความคิดเห็นที่จะเป็นประโยชน์กับกระบวนการ ทั้งในส่วนที่จะมีโอกาสในการขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ช่องทางที่เราจะเปิดไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปสำรวจความคิดเห็นก็ดี การมีโทรศัพท์ การมีช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ล้วนแล้วแต่จะเป็นโอกาสสำหรับประชาชนทุกคนในการที่จะมีส่วนร่วมในกระบวนการสำคัญ กระบวนการประวัติศาสตร์ตรงนี้ ตนขอเรียนยืนยันกับพี่น้องประชาชนอีกครั้งว่า การทำงานในเรื่องนี้จะไม่มีโอกาสสำเร็จได้เลย ถ้าประชาชนทุกคนไม่เข้ามาช่วยกันผลักดันให้นำไปสู่ความสำเร็จ และตนทราบดีว่ากระบวนการนี้ซึ่งจะต้องแก้ไข คลี่คลายปัญหาต่างๆ รวมทั้งปรับปรุงเปลี่ยนแปลงปฏิรูปโครงสร้างด้านต่างๆ จะต้องใช้เวลา

ตนตระหนักตั้งแต่ต้นว่ากระบวนการนี้จะต้องใช้เวลายาวนานกว่าอายุของรัฐบาลชุดนี้ แต่ตนต้องการจะให้ในอีกหลายเดือนข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งระยะเวลาที่เหลืออยู่ในปีนี้เราสามารถผนึกกำลังของคนทั้งประเทศ มีแผนของการที่จะนำไปสู่การปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศของเราให้หลุดพ้นจากภาวะวิกฤติและความรุนแรง และสร้างชีวิต ความเป็นอยู่ที่ดีและบ้านเมืองที่ดีสำหรับประชาชนทุกคน มีข้อตกลงเป็นรายละเอียดที่นำไปสู่การปฏิบัติได้ มีความชัดเจนว่าแต่ละภาคส่วนในสังคม รวมทั้งรัฐบาลจะต้องให้การสนับสนุนกระบวนการต่างๆ อย่างไร และเสร็จทันภายในสิ้นปี เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่สำหรับพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน

นายกฯ กล่าวว่า งานใดก็ตามมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการและมีความพร้อมที่จะทำในปีนี้ก็จะสามารถเดินหน้าได้ทันที ตนขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนอีกครั้ง และขอเรียนว่าการทำงานในครั้งนี้เป็นการทำงานเพื่อส่วนรวมและบ้านเมือง ตนตระหนักดีว่าความคิดเห็นที่แตกต่างในสังคมเป็นธรรมชาติเป็นสิ่งที่มีอยู่ได้ และเป็นสิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แผนปรองดองที่จะนำไปสู่การปฏิรูปจะไม่ไปทำลายความหลากหลาย ไม่ไปทำลายความแตกต่าง และเหตุการณ์ใดๆ ที่ผ่านมา ซึ่งจะต้องมีการแสดงความรับผิดชอบใดๆ ก็ขอให้เป็นไปตามความเป็นจริงที่ขณะนี้รัฐบาลก็เปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบ ค้นหาข้อเท็จจริงอย่างเต็มที่

“ผมขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนอีกครั้ง และด้วยความเชื่อมั่นในพี่น้องประชาชนคนไทยและสังคมไทย ผมมั่นใจว่าความร่วมมือของพี่น้องประชาชนนั้นจะทำให้อนาคตของประเทศไทยเป็นอนาคตที่สดใส และทำให้บ้านเมืองก้าวพ้นวิกฤติ และประเทศไทยจะเป็นประเทศที่ได้รับความเชื่อถือ ความเชื่อมั่นและมีบทบาทสำคัญในสังคมโลกต่อไป” นายกฯ กล่าวปิดท้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนที่นายกฯ จะขึ้นรถออกจากทำเนียบรัฐบาลผู้สื่อข่าวได้ถามนายกฯ ว่ามั่นใจในแผนปรองดองครั้งนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “มั่นใจครับ มั่นใจ ”

-----------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : คมชัดลึก




นายกฯ ย้ำล้มลต.14 พ.ย.-รอหลังรู้ผลแผนปฏิรูปสิ้นปี


TPNews, 2010-06-10 23:06:23

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศจะเดินหน้าจัดทำแผนปฏิรูปประเทศให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ก่อนสิ้นปีนี้ เพราะมีความตั้งใจที่จะมอบแผนปฏิรูปประเทศเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน และจะกำหนดวันจัดการเลือกตั้งใหม่ที่เหมาะสมหากแผนปฏิรูปประเทศดำเนินการไปได้ด้วยดีนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยประกาศจะจัดการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 14 พ.ย.แต่ในเมื่อปัญหาความขัดแย้งคงอยู่จึงจำเป็นต้องสร้างสภาวะแวดล้อมที่ดีก่อนที่จะมีการเลือกตั้งต่อไป
------------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : โลกวันนี้ออนไลน์

เพื่อไทย ร้อง ดีเอสไอ สอบคดีที่ดินเขาแพง


TPNews, 2010-06-10 23:01:35

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อร้องทุกข์ให้ดีเอสไอสอบสวนดำเนินคดีกับนายแทน เทือกสุบรรณ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง พร้อมพวก กรณีครอบครองที่ดินเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 62 ไร่

โดยโฆษกพรรคเพื่อไทย อ้างว่าที่ดินมีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ เนื่องจากที่ดินเดิมขณะมีเอกสารสิทธิ ส.ค.1 มีที่ดิน 16 ไร่ เมื่อบริษัทเอกชนนำไปออก นส.3 มีที่ดินเพิ่มเป็น 48 ไร่ ต่อมาเมื่อนายแทน ซื้อที่ดินก็จะมีการนำไปออกโฉนด จนมีที่ดินเพิ่มเป็น 62 ไร่ ขณะการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ยืนยันว่า ลูกชายซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวถูกต้อง พร้อมชี้แจงว่า กรณีเนื้อที่ดินในโฉนดที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากขั้นตอนออกโฉนดจะมีช่างรังวัดที่ดินอย่างละเอียด ทำให้ได้เนื้อที่ดินเพิ่มขึ้น เบื้องต้นอธิบดีดีเอสไอ รับเรื่องไว้ตรวจสอบ พร้อมกล่าวว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นจะเป็นอย่างไรก็จะดำเนินการตรวจสอบให้เร็วที่สุด

ทั้งนี้ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้นำภาพถ่ายทางอากาศ หลักฐาน สค. 1 ที่มีการนำไปออก นส.3 ที่มีที่ดินเพิ่มเป็นเท่าตัวมามอบให้ดีเอสไอ จึงน่าจะมีการเอื้อประโยชน์จากเจ้าหน้าที่กับผู้ครอบครองที่ดินชุดแรก ต่อมาผู้ครอบครองชุดที่สองคือนายแทน เทือกสุบรรณ ได้ซื้อที่ดินแปลงดังกล่าว ก่อนนำ นส.3 ไปออกโฉนดมีที่ดินเนื้อที่เพิ่มขึ้นอีก 14 ไร่เศษ นส.3 แปลงนี้เท่าที่ดูจากภาพถ่ายทางอากาศของ สค.1 เดิม จะมีเนื้อที่เพิ่มเป็น 62 ไร่

เมื่อออกโฉนด นั้นพบว่ามีความเป็นไปได้น้อยมาก เนื่องจากได้สอบถามอดีตผู้เชี่ยวชาญและช่างรังวัดของกรมที่ดิน มีการออกโฉนดน่าจะมีเงื่อนง่ำในการออกโฉนดในพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 200 เมตร ยังมีความลาดชัน 35 องศา นอกจากนี้ขณะนายแทน ซื้อที่ดินแปลงนี้ก็อายุ 21 ปี เรียนอยู่ที่ประเทศออสเตรียเลีย มอบอำนาจให้คนอื่นทำนิติกรรม เราจึงมองว่านายสุเทพ ให้นายแทนถือครองทรัพย์สินแทน จึงน่าจะมีการตรวจสอบในที่ดินเขาแพงว่าน่าจะเป็นการเอื้อประโยชน์ในการออกโฉนดให้นายแทน และการถือครองที่ดินแทนในลักษณะนอมินี จึงขอให้อธิบดีดีเอสไอ ดำเนินคดีกับนายแทน นายสุเทพ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคน โดยในวันเสาร์นี้ คณะของพรรคเพื่อไทยจะลงพื้นที่เขาแพง เกาะสมุย พร้อมด้วยสื่อมวลชนเพื่อตรวจสอบพื้นที่จริงต่อไป

ต่อมาเวลา 13.00 น.นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดแถลงข่าวกรณีพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ คดีเงินบริจาค 258 ล้านของพรรคประชาธิปัตย์ นำโดย พ.ต.ท.วรชัย อารักษ์รัฐ ลาออกพร้อมคณะพนักงานสอบสวนอีก 10 คน พร้อมมีข่าวทางหนังสือพิมพ์บางฉบับว่า เหตุที่พนักงานสอบสวนคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ลาออกเพราะถูกแทรกแซงการทำงาน จากผู้บริหารดีเอสไอโดยการเรียกสำนวนคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ไปตรวจสอบก่อนส่งไป กกต.ว่า

หลังจากตนรับตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ การดำเนินคดีกับบริษัทแมทไซอะฯ ที่ถูกกล่าวหาทำนิติกรรมอำพรางกรณีรับจ้างพรรคประชาธิปัตย์ ทำแผ่นป้ายหาเสียงหลังบริษัทบริษัทพีทีไอ โพลีน จำกัด มหาชน บริจาคเงินให้ 258 ล้านบาท หรือที่เรียกกันว่าคดียุบพรรคประชาธิปัตย์มันเสร็จไปแล้ว มีการส่งพยานหลักฐานสำนวนไป กกต. แต่มีเรื่องร้องเรียนจากบริษัทพีทีไอฯ มายังกระทรวงยุติธรรมถึง 2 ครั้ง สาระสำคัญคือ เรื่องนี้เป็นความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ของบริษัทพีทีไอฯ แต่พนักงานสอบสวนไม่มุ่งทำคดีว่าผิดหรือไม่ กลับไปมุ่งทำคดียุบพรรคประชาธิปัตย์เป็นหลัก มีการทำพยานหลักฐานไม่ถูกต้อง มีการปั้นพยานหลักฐานเท็จขึ้นมา ทำให้บริษัทพีทีไอฯ ไม่ได้รับความเป็นธรรม

โดยเฉพาะพยานปากนายประจวบ สังข์ขาว ถูกอุ้มกักตัวบังคับให้ให้การไม่ตรงกับความเป็นจริง ถัดมายังมีการนำเอาความลับในสำนวนไปให้กับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ใช้อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เมื่อปี 2552 ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรูปคดีและบริษัทพีทีไอฯ บริษัทพีทีไอฯ จึงขอร้องเรียนให้มีการตรวจสอบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและขอให้มีการเปลี่ยนตัว การร้องเรียนดังกล่าวทำในสมัยก่อนหน้าตนเข้ารับตำแหน่ง แต่ไม่มีการดำเนินการอะไร

นายธาริต กล่าวอีกว่า กระทั่งตนรับตำแหน่งบริษัทพีทีไอฯ มีการร้องเรียนอีกครั้งว่า ให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ ระหว่างการตรวจสอบตนเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ กฎหมายคดีพิเศษกำหนดให้ทุกคดีที่จะสั่งฟ้องต่อ อัยการต้องผ่านอธิบดีดีเอสไอสั่งคดีทุกเรื่อง ก็ต้องเรียกเอาสำนวนมาตรวจสอบเป็นเรื่องปรกติในคดีสำคัญหรือคดีที่มีการร้องเรียน เชื่อว่าพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การที่ผู้บังคับบัญชาจะเรียกสำนวนมาก็เป็นเรื่องปรกติ ต้องถือว่าเป็นสิ่งพึ่งต้องทำ

การที่พนักงานสอบสวนคดีนี้บางคนไปแถลงข่าวว่า มีความไม่สบายใจ เพราะถูกบีบบังคับ เพราะอธิบดีดีเอสไอ เรียกสำนวนมาตรวจสอบ จึงไม่เป็นความจริง ขอยืนยันว่าหนังสือที่พนักงานสอบสวนคดีนี้ขอถอนตัวไม่ได้ระบุเลยว่า ถูกบีบจากตนหรือใคร เพียงกลุ่มพนักงานสอบสวน ที่ถอนตัวอ้างว่า มีการร้องเรียนจากผู้ถูกดำเนินคดี เพราะความสบายใจของผู้ถูกดำเนินคดี จึงขอถอนตัว ซึ่งสามารถทำได้ แต่การถอนตัวของพนักงานสอบสวนคดีชุดนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ เพราะคดีเสร็จสิ้นไปแล้ว ไม่มีอะไรต้องทำอีก

คดีที่ต้องทำคือคดีพีทีไอฯ ซึ่งพนักงานสอบสวนที่ถอนตัวไม่ได้เดินหน้าสอบสวนเท่าที่ควร คดีนี้ถ้าเปรียบเทียบเหมือนคดีลักทรัพย์รับของโจร คือคดีพีทีไอฯ ต้องให้ได้ความเสียก่อนว่า มีการไซฟ่อนเงินหรือเอาเงินไปจากบริษัทพีทีไอฯ จริงหรือไม่ มีการนำเงินไปใช้ไม่ถูกต้องหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนสอบไม่เสร็จ มีการบอกว่ามีการไปรับของโจรแล้ว คือเอาเงินนั้นไปทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายพรรคการเมือง
------------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์

SMS 2009-06-10

1. จ.ม.จากผู้ต้องสงสัย ถึงนายอภิสิทธิ์ฯ (Wap Link)

2. คณะกก.ปกป้องสื่อระหว่างปท.จี้รัฐสอบเหตุยิงสื่อ-เปิดเทปวงจรปิดแยกคอกวัว

3. สุเทพอ้างไม่เชื่อใจพ.ต.ท.ทักษิณจะปรองดองจริง ชี้ยังไม่ถึงเวลาเลิกพรก.

4. ยิงถล่มศักรินทร์ กองแก้ว (อ้วนบัวใหญ่) แกนนำแดงโคราชดับตร.มุ่งปมการเมือง

5. วรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ บรรยายความโหดเหี้ยมในวัดปทุม http://www.youtube.com/watch?v=5w9_XYJ18PA

6. เช้านี้ดัชนีฯ ปิดที่ 764.02-0.19 (-0.02%) มูลค่าการซื้อขาย 7,889.95 ล.

7. ชัย โยนการเลือกตั้งต้นปีหน้าเป็นเรื่องของมาร์ค-ยังไม่มีการคุยรายละเอียด

8. "อภิชาต" เซ็นตั้งคณะทำงานกับอสส.พรุ่งนี้ ดูสำนวนยุบปชป.ให้เสร็จใน30วัน

9. รัฐฟื้นฆ่าตัดตอน เสนอ คัมภีร์ฯ นั่งปธ.สอบ ปัดไม่ใช่กลั่นแกล้งพ.ต.ท.ทักษิณ

10. DSI-ธาริต แฉ อดีตบิ๊กขรก.ยุทีมสอบยุบปชป.ลาออก ปูดคดีทุบรถมีเงื่อนงำ

11. "สุเทพ" กั๊ก คงพรก.ฉุกเฉิน อ้างเอาประเทศอยู่รอดปลอดภัย ไม่ทำตามกระแส

12. หลังเคารพธงชาติวันนี้ "มาร์ค" แถลงเดินหน้าแผนปรองดองแบบเป็นรูปธรรม

13. "นพดล" ชี้รัฐบาลฟื้นคดีฆ่าตัดตอน หวังดิสเครดิต "พ.ต.ท.ทักษิณ"

14. "ปานปรีย์" ระบุอยากให้มีการปรองดองจริง ๆ ไม่ใช่พูดแล้วทำอีกอย่าง

-----------------------------------------------------------------------------------------------

รองผบก.ป.เผยกี้-สุภรณ์ ซุกตะเข็บชายแดน


TPNews, 2010-06-10 00:43:35

พ.ต.อ.สานิตย์ มหถาวร รองผู้บังคับการกองปราบปราม กล่าวถึง กรณีการคุมตัวแกนนำ นปช. ทั้ง 8 คน ภายในค่ายนเรศวร อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ว่า เจ้าหน้าที่มีความจำเป็นที่จะต้องควบคุมตัวแกนนำทั้ง 8 คนต่อไป ส่วนอำนาจการควบคุมตัวตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินให้ครบกำหนด 30 วัน เนื่องจากเห็นว่า ยังมีข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ต้องการอีกมากดังนั้น จึงต้องควบคุมตัวไว้สอบสวน เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนแนวร่วม นปช. ที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ทำการสอบสวน จนได้ข้อมูลคดีเป็นที่พอใจแล้ว ล่าสุดได้ทำการปล่อยตัวไปแล้ว รวม 12 คน ซึ่งในวันนี้พนักงานสอบสวน ได้มีการยืนคำร้อง ขอขยายเวลาควบคุมตัว นายวีระ มุสิกพงศ์ นายก่อแก้ว พิกุลทอง และ น.พ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. เป็นครั้งที่ 3 มีกำหนด 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ 10 - 16 มิ.ย. นี้ ซึ่งศาลอนุญาตให้ฝากขังได้ตามคำร้องของพนักงานสอบสวน

อย่างไรก็ตาม รองผู้บังคับการกองปราบปราม ยังกล่าวถึง การติดตามตัว นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง และนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แกนนำ นปช. ที่หลบหนีว่า ยังไม่มีการติดต่อขอเข้ามอบตัว ซึ่งหากการข่าวของเจ้าหน้าที่ทราบว่า ทั้ง 2 คน หลบซ่อนตัวอยู่ที่แนวตะเข็บชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน

-----------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : INN Online

ดักยิงคนสนิท "ยงยุทธ ติยะไพรัช"

TPNews, 2010-06-10 00:25:47

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 9 มิ.ย.นี้ พ.ต.ท.สงกรานต์ สันวงค์ สารวัตรเวร สภ.แม่จัน จ.เชียราย ได้รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงด้วยอาวุธปืนได้รับบาดเจ็บเหตุเกิดที่บนถนนพหลโยธินสายเชียงราย-แม่สาย ขาเข้าเมือง บริเวณหน้าโรงบ่มใบยาเหมืองกลาง ต.ศรีค้ำ อ.แม่จัน จึงรุดไปที่เกิดเหตุมีรถยนต์กระบะยี่ห้อฟอร์ด สีดำ หมายเลขทะเบียน บม 4799 เชียงราย จอดเสียหลักอยู่ข้างทางสภาพกระจกด้านคนขับมีรอยถูกยิงด้วยกระสุนปืนจำนวน 1 รู ภายในรถพบกองเลือดกองใหญ่ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ พลเมืองดีนำนำตัวส่งโรงพยาบาลแม่จันและได้มีการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์แล้ว

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บหลักฐานทั้งหมดในที่เกิดเหตุ จากนั้นจึงติดตามไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลทราบว่าชื่อนายอานนท์ พิมสาร อายุ 57 ปี เป็นอดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 13 ต.แม่คำ อ.แม่จัน แพทย์โรงพยาบาล พบว่านายอานนท์ถูกอาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงเข้าที่ไหล่ด้านขวาจนเป็นแผลฉกรรจ์แต่ยังมีสติและให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้

โดยระบุว่าก่อนเกิดเหตุได้ขับรถไปตามถนนสายดังกล่าวจากบ้านเพื่อจะไปทำงานที่สำนักงานของ น.ส.ละออง ติยะไพรัช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เชียงราย เขต 3 พรรคเพื่อไทย น้องสาวของนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนซึ่งตั้งอยู่ ต.สันทราย อ.แม่จัน บนถนนสายแม่จัน-เชียงแสน เมื่อถึงจุดเกิดเหตุได้มีรถยนต์กระบะไม่ทราบสี ยี่ห้อและหมายเลขทะเบียนขับเข้าไปตีคู่ และได้เห็นมือปืนที่อยู่ด้านหลังกระบะของรถคันดังกล่าวลุกขึ้นและใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่จนได้รับบาดเจ็บและต้องหยุดรถข้างทางแต่คนร้ายก็ไม่ได้ตามไปยิงซ้ำโดยได้ขับขี่หลบหนีไป

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงกระจายกำลังออกติดตามจับกุมคนร้าย ส่วนสาเหตุของการยิงได้สันนิฐานในวงกว้างใน 2 ประเด็นว่ามาจากเรื่องอาฆาตเป็นการส่วนตัวและเรื่องทางการเมือง เพราะนายอานนท์เกี่ยวข้องกับทางการเมืองมาโดยตลอด จนถึงขึ้นสนิทสนมกับนายยงยุทธเป็นอย่างดี
-----------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : ข่าวสด

กองปราบปรามรวบอดีต สข.บางบอน -สมชาย ไพบูลย์ แกนนำ นปช.


TPNews, 2010-06-10 00:09:23

วานนี้ ( 9 มิ.ย.) พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รักษาราชการแทน ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ต.จารุวัฒน์ พาหุมันโต สว.กก.1 บก.ป. พร้อมกำลังจับกุม นายสมชาย ไพบูลย์ อายุ 41 ปี อดีต สข.บางบอน พรรคไทยรักไทย ตามหมายจับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่ 96/2553 โดยจับกุมได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 33 หมู่ 1 ต.ควนเกย อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช จึงนำตัวมาทำบันทึกที่กองปราบปราม โดยมีประชาชนจำนวนหนึ่งที่ทราบข่าวนำดอกกุหลาบสีแดงมามอบให้เป็นกำลังใจ

ทั้งนี้นายสมชายเป็นแกนนำกลุ่ม นปช.ที่เคยขึ้นเวทีปราศรัยบ่อยครั้ง นอกจากนี้ยังอยู่ในกลุ่ม “Thailand mirror” จัดรายการวิทยุชุมชนในเว็บไซต์ และเป็นแกนนำตั้งเวทีคู่ขนานอยู่ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งถูกออกหมายจับตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อย่างไรก็ตามภายหลังทำบันทึกแล้วพนักงานสอบสวนนำตัวนายสมชายไปควบคุมไว้ ที่ บก.ตชด.ภาค 1 คลองห้า จ.ปทุมธานี

นายสมชาย กล่าวว่า เรื่องการมอบตัวไม่ได้อยู่ในความกลัวของพวกเราแต่ว่าอยากให้ยกเลิก พ.ร.ก. เสียก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้คาดการณ์ว่าหลังจากมีการสลายการชุมนุมแล้วไม่เกิน 7 วัน น่าจะมีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แต่เมื่อถึงเวลารัฐบาลนี้ยอมให้ประเทศเสียหายโดยการคง พ.ร.ก.ไว้เพื่อไล่ตามจับพวกเรา ตนเชื่อว่าหากยกเลิก พ.ร.ก.เมื่อไรพวกเราส่วนใหญ่พร้อมเข้ามอบตัวเข้าสู่กระบวนการ

นายสมชาย กล่าวต่อว่า ตนถูกออกหมายจับเนื่องจากไปตั้งเวทีปราศรัยที่อนุสาวรีย์ชัยฯ เมื่อคืนวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ใกล้สามเหลี่ยมดินแดงที่มีการปะทะกันจนมีผู้เสียชีวิต จึงมีผู้ใหญ่คนหนึ่งขอให้ไปช่วยดูแลเพราะถ้าการชุมนุมใดไม่มีคนดูแลคอยห้ามปรามก็จะมีคนเสียชีวิตมากขึ้น ตนก็รับอาสาไปเพื่อห้ามไม่ให้คนไปที่สามเหลี่ยมดินแดง

“เราต่อสู้กันมาขนาดนี้แล้วก็ยินดีเข้าสู่กระบวนการ แต่ผู้มีอำนาจเมื่อหมดอำนาจก็ต้องเข้าสู่กระบวนการเหมือนกัน เราชาวพุทธถือเสียว่าเวรกรรมมีจริงเท่านั้นเอง ไม่มีอะไร ผมมั่นใจว่า 86 ศพคงเป็นกำลังใจให้ผม” นายสมชาย กล่าว

ด้านนายคารม พลทะกลาง ทนาย นปช. ซึ่งเดินทางมาร่วมรับฟังการสอบสวนนายสมชาย กล่าวว่า นอกจากจะถูกหมายจับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แล้วยังทราบว่านายสมชายถูกกล่าวหาว่าก่อการร้ายด้วย ตนจึงต้องเข้ามาช่วยดูแลและเตรียมเรื่องเอกสารต่างๆให้ อย่างไรก็ตามอยากเรียกร้องรัฐบาลพิจารณากฎหมายตัวนี้เพราะจะทำให้ถูกจับกันเรื่อยๆ ไม่รู้สิ้นสุดเมื่อไร เพราะเท่าที่ดูรายชื่อยังมีอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ถูกจับกุม ส่วนที่ถูกจับบางคนก็จะครบกำหนด 30 วันแล้วแต่ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯยังคงอยู่ ซึ่งจะครบ 3 เดือน

นายคารม กล่าวอีกว่า สำหรับนายวิเชียร ขาวขำ ส.ส.เพื่อไทย นั้นจะเข้ามอบตัวภายในสัปดาห์หน้า ไม่รอให้ถึงวันนัดหมาย ไม่ต้องไปดีเอสไอ แต่ไปที่ศาลเลย ส่วนแกนนำคนอื่นๆ ที่ยังไม่ถูกจับกุมนั้น ตนได้พูดคุยกับนายพายัพ ปั้นเกตุ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด และนางดารณี กฤตบุญญาลัย ส่วนนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง และนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ นั้นยังไม่ได้คุยแต่ทราบว่าสบายดี และอยู่ด้วยกันแต่ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน ส่วนคนอื่นๆ เช่น น.ส.กัญญาภัค มณีจักร หรือ ดี.เจ.อ้อม หรือ นายเพชรวรรต วัฒน์พงศ์ศิริกุล ก็ไม่รู้อยู่ที่ไหน แต่เชื่อว่าพวกเขากลัวกฎหมายฉบับนี้เพราะสามารถควบคุมตัวไปทำอะไรก็ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนายสมชายแล้วชุดสืบสวน กก.1 บก.ป. นำโดย พ.ต.ท.พุทธพงศ์ เมฆเอี่ยมนภา สว.กก.1 บก.ป. พร้อมกำลังยังได้ติดตามจับกุม นายพันธุ์ศักดิ์ ซาบุ ผู้บริหารสถานีวิทยุชุมชน “คนรักไทย” คลื่น 95.25 เอฟเอ็ม ตามหมายจับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่ 49/2553 ได้ที่ ถ.ประชาราษฎร์ สาย 1 ซ. 28 แขวงและเขตบางซื่อ จึงนำตัวไปควบคุมไว้ที่ บก.ตชด.ภาค 1 คลองห้า จ.ปทุมธานี.

---------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : เดลินิวส์ออนไลน์

มท.3 ยันเอกสารสิทธิ์เขาแพง ออกโดยชอบแล้ว


TPNews, 2010-06-10 00:00:22

10 มิ.ย. นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ในฐานะกำกับดูแลกรมที่ดิน กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านไม่ไว้วางใจ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในข้อกล่าวหาครอบครองที่ดินเขาแพง ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 62 ไร่ 1 งาน 97 ตารางวา ผ่านทางนายแทน เทือกสุบรรณ ลูกชาย โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายว่า เท่าที่ทราบกรมที่ดินยืนยันว่าการออกเอกสารสิทธิที่ดินผืนดังกล่าวนั้น ออกโดยชอบแล้ว มีความเห็นจากเจ้าหน้าที่รังวัดว่า ก่อนที่จะมีการออกเอกสารสิทธิ ที่ดินดังกล่าวนั้น มีการทำประโยชน์มากกว่า 70 ไร่ แต่ก็ออกโฉนดได้เพียง 60 กว่าไร่ เท่ากับว่ามีการทำประโยชน์ในที่ดินผืนดังกล่าวจริง แสดงว่าเจ้าของเดิมมีการครอบที่ดินมากกว่าที่ออกในส.ค.1 ด้วยซ้ำ

เมื่อถามย้ำว่า อธิบดีกรมที่ดินยังไม่ได้สรุปว่าการออกโฉนดดังกล่าวนั้นออกโดยชอบหรือไม่ ทำไมจึงมีการยืนยันจากกรมที่ดินว่า โฉนดที่ออกมานั้นถูกต้องแล้ว นายถาวร กล่าวว่า กรมที่ดินยืนยันมายังตนว่า การออกโฉนดนั้นทำโดยชอบแล้ว และหากเป็นการออกโฉนดโดยไม่ชอบ จะต้องมีการเพิกถอนเอกสารสิทธิเท่านั้น
----------------------------------------------------------------------------------------------

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์

จดหมายจากผู้ต้องสงสัย ถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ


TPNews, 2010-06-09 23:43:18

วันวันอาทิตย์เวลา 21:17 น.
ค่ายทหารอดิศร จ.สระบุรี

วันที่ 3 มิถุนายน 2553

ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีที่คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจจากฝ่ายค้านมาได้ เสียดายที่ไม่มีโอกาสได้ฟังการอภิปรายและการตอบข้อซักถามของคุณอภิสิทธิ์ในครั้งนี้ เพราะผมถูกจองจำอยู่ในค่ายอดิศร จ.สระบุรี ตามคำสั่งของอภิสิทธิ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีผู้ใช้อำนาจตาม พรก.ฉุกเฉินฯ ตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

ผมเป็นคนหนึ่งที่นิยมชมชอบนักการเมืองที่ชื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และเป็นคนหนึ่งซึ่งลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อคุณอภิสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นครั้งแรกปี 2535 ในเขต 6 กทม. (สาทร, บางคอแหลม, ยานนาวา)

ผมชื่นชมในความคิด และการพูดจาปราศรัยของคุณอภิสิทธิ์ เป็นอย่างมาก มีโอกาสเมื่อไรต้องไปนั่งฟังคุณอภิสิทธิ์อภิปราย หรือปราศรัยอยู่เสมอ ผมคิดว่าคุณรุ่นใหม่อย่างคุณอภิสิทธิ์ซึ่งจบการศึกษามัธยมจากโรงเรียนอีตัน และมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จากอังกฤษจะสามารถใช้ความรู้สาขาปรัชญาการเมืองและเศรษฐกิจให้เกิดประโยชน์ต่อเมืองไทย เมื่อได้รับตำแหน่งทางการเมือง

แต่แล้วผมต้องผิดหวังอย่างแรงเมื่อคุณอภิสิทธิ์เลือกเส้นทางการเมืองที่คับแคบในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไว้เสนอนายกพระราชทานตามมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ 2540 เป็นทางออกของวิกฤติการเมืองในปี 2548 ซึ่งขัดกับหลักการพื้นฐานตามครรลองประชาธิปไตย

ครั้งเมื่อเกิดการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 แทนที่จะออกมาคัดค้าน คุณอภิสิทธิ์กับวางเฉย ครั้นเมื่อมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมากขึ้นคุณอภิสิทธิ์จึงได้ออกมาแสดงความคิดเห็นคัดค้านการรัฐประหารกับเขาบ้าง

ผมยังจำได้ ขณะที่มีการรณรงค์ทำประชามติรับรองรัฐธรรมนูญ 2550 ของ คมช. คุณอภิสิทธิ์พูดว่าให้รับรองไปก่อนค่อยไปแก้รัฐธรรมนูญภายหลังบัดนี้เวลาล่วงเลยมาเกือบ 3 ปีแล้ว คุณอภิสิทธิ์ได้เป็นผู้นำฝ่ายค้านและเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่เห็นคุณอภิสิทธิ์ได้ทำตามที่คุณเคยพูดไว้แม้แต่น้อย ได้แต่ใช้วาทศิลป์ เล่ห์เหลี่ยม หลบหลีกความรับผิดชอบไปมาอยู่ตลอดเวลา

พอคุณอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรี หมอประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส บอกว่าคุณอภิสิทธิ์เป็นนัก การเมืองพันธุ์ใหม่ที่สังคมไทยต้องการ แต่ราษฎรอาวุโสท่านนี้คงไม่ได้รับทราบว่าการได้มาซึ่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของคุณอภิสิทธิ์ใช้วิธีการทางลัด ด้วยการจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร และการประเคนตำแหน่งรัฐมนตรีให้กับสส.งูเห่าจากพรรคเพื่อไทย

คุณอภิสิทธิ์ เคยบอกว่านักการเมืองที่สร้างวิกฤติชาติคือนักการเมืองเร่ร่อนหรือบางกลุ่มเป็น สส.ให้เช่า คนเหล่านี้ไม่ใช่นักการเมืองอาชีพที่คุณอภิสิทธิ์จะร่วมงานด้วย แต่ด้วยความกระหายในอำนาจและตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คุณอภิสิทธิ์ได้ประเคนตำแหน่งให้กับนักการเมืองเร่ร่อน และกลุ่ม สส.ให้เช่าอย่างเต็มที่

คุณอภิสิทธิ์เคยตำหนินโยบายประชานิยมของพรรคไทยรักไทยมาก่อนว่าเป็นระบบอุปถัมภ์ของนักการเมือง ทำให้ขาดวินัยการคลัง แต่วันนี้คุณอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีได้ลอกเลียนแบบนโยบายประชานิยม แล้วเปลี่ยนชื่อใหม่โฆษณาว่าเป็นนโยบายของรัฐบาลที่คิดขึ้นมาเอง

ผมได้แต่สงสัย ยังหาคำตอบไม่ได้ ทำไมตำแหน่งทางการเมืองทำให้คนเรียนดี ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยชั้นนำเป็นนักการเมืองที่หลายคนชื่นชม กลับกลายเป็นคนกะล่อน ปลิ้นปล้อนได้ถึงเพียงนี้ หรือว่าโดยกมลสันดานแล้วพวกชนชั้นปกครองบ้าอำนาจ มักมีพันธุกรรมของความกะล่อนอยู่เสมอ

คุณอภิสิทธิ์ เคยประกาศไว้ว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองต้องเป็นไปอย่างสันติ แต่ในช่วง 2ปีที่ผ่านมาของรัฐบาลอภิสิทธิ์ได้ใช้กำลังทหารปราบปรามประชาชนอย่างโหดร้ายทารุณมาถึงสองครั้งในเหตุการณ์สงกรานต์เลือดปี 2552 และที่สะพานผ่านฟ้าจนถึงราชประสงค์มีผู้คนล้มตายด้วยกระสุนสงครามของฝ่ายรัฐบาลมากกว่า 80 ชีวิตด้วยกัน บาดเจ็บอีกหลายพันคน สูญหายอีกนับร้อยคน

คุณอภิสิทธิ์ใช้ชีวิตในวัยเด็กและเติบโตในสังคมตะวันตกอาจไม่มีความรู้ในเรื่องบาปบุญคุณโทษและอาจไม่ใส่ใจต่อคำสอนของพระพุทธเจ้าว่าการฆ่า***ตัดชีวิตเป็นบาปมหันต์

คุณอภิสิทธิ์อาจเถียงคอเป็นเอ็นว่าพวกที่ชุมนุมเรียกร้องยุบสภาที่ผ่านฟ้าและราชประสงค์มีผู้ใช้อาวุธตอบโต้ฝ่ายทหาร ผมอยากให้คุณอภิสิทธิ์มีโอกาสไปพลิกศพดูประวัติผู้เสียชีวิตว่ามีความเป็นไปได้ไหมที่จะเป็นผู้ก่อการร้ายใช้อาวุธสู้กับรัฐบาล เพราะหลายศพที่ถูกยิงตายไป เป็นเพียงผู้ใช้แรงงาน เป็นชาวนายากไร้ เป็นคนยากจนหาเช้ากินค่ำ บางศพเป็นพยาบาลที่เข้าไปช่วยเหลือคนบาดเจ็บ บางศพเป็นวิศวกร หลายศพเป็นเพียงชายชราสูงอายุที่หูตาฝ้าฟางแล้ว

มีกี่ศพที่ถูกยิงตายเป็นผู้ก่อการร้ายที่คุณอภิสิทธิ์กล่าวหา ?

ถ้าหากการใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้ทหารว่าเป็นผู้ก่อการร้าย คุณอภิสิทธิ์จะเรียกกำลังทหารพร้อมอาวุธสงครามจากหน่วยจู่โจมและพลซุ่มยิง ออกมายิงประชาชนล้มตายเหมือนหมู หมากลางถนนว่าเป็นผู้ก่อการร้ายหรือเป็นผู้ก่อการดี ?

ผมและ ดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ได้แสดงความคิดเห็นเพื่อลดทอนความขัดแย้งแตกแยกในสังคมจึงออกมาแถลงข่าวเรียกร้องให้คุณอภิสิทธิ์ และคุณสุเทพ เทือกสุบรรณพ้นจากตำแหน่ง เพื่อรับผิดชอบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่เสียชีวิตจากการปราบปรามของรัฐบาล แต่คุณอภิสิทธิ์กลับใช้อำนาจออกหมายจับในฐานะผู้ต้องสงสัยจะก่อให้เกิดความไม่สงบ

ผมอาจจะต้องใช้ชีวิตสูญเสียอิสรภาพไปอีกนานด้วยข้อหาและกฎหมายเผด็จการเพื่อหยุดยั้งการเคลื่อนไหวของประชาชน จนอาจสิ้นลมหายใจก่อนคุณอภิสิทธิ์ แต่ผมมั่นใจในความบริสุทธิ์ใจและความปรารถนาดีของผมต่อประเทศชาติและประชาชน แต่ผมไม่รู้ว่าคุณอภิสิทธิ์บนตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอันมีเกียรติ คุณอภิสิทธิ์มีความมั่นใจในความบริสุทธิ์ใจมากแค่ไหน ?

หวังว่า จดหมายฉบับนี้จะช่วยเตือนสติสัมปชัญญะของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะให้หยุดการก่อกรรมทำเข็ญต่อประเทศชาติและประชาชน

สมยศ พฤกษาเกษมสุข
3 มิถุนายน 2553
ค่ายทหารอดิสร จ.สระบุรี
----------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : มูลนิธิกระจกเงาฝากกระซิบต่อ :
TPNews (Thai People News): ข่าวสารสำหรับผู้รักประชาธิปไตย โดยทีมงานเสื้อแดง เที่ยงตรง ไม่บิดเบือน ส่งตรงถึงมือถือทุกวัน สมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน พิมพ์ PN ส่งมาที่เบอร์ 4552146 ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน (เฉพาะ DTAC 30 บาท/เดือน) Call center: 084-4566794-6 (จ.- ศ. 9.30-17.30 น.)
----------------------------------------------------------------------------------

วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2553

SMS 2009-06-09

1. สุรชัยฯ เตือนรบ.เตรียมตัวไว้ให้ดี...(Wap Link)

2. ปชป.ยังป่วน เหตุ "ไพฑูรย์" จะวางมือเป็นแม่ทัพสู้ศึกเลือกตั้งในภาคเหนือ

3. อสส.ตีกลับสำนวนยุบ ปชป. อ้างหลักฐานไม่พอ กกต.ให้ตั้งคณะทำงานสอบใหม่

4. เปิดรายชื่อผู้ต้องหาถูกคุมตัวแล้ว 29 ตามไล่ล่า 50 เจอข้อหาก่อการร้าย 37

5. มติกกต.ตั้งคณะทำงานร่วมอสส.7 คนสอบคดียุบปชป.กรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท

6. เช้านี้ดัชนีฯ ปิดที่ 762.96+5.55 (+0.73%) มูลค่าการซื้อขาย 7,316.29 ล.

7. ศาลอนุญาตขยายเวลาฝากขัง วีระ,นพ.เหวง,ก่อแก้ว ต่ออีก 7 วัน (10-16มิ.ย.)

8. "มาร์ค" ลั่นให้ "คณิต" เดินหน้างานสอบสวนสลายม็อบต่อ แม้พท.-แดงเห็นไม่เป็นกลาง

9. CPJ-องค์กรสื่อระดับโลกชี้ รบ.ต้องปกป้องการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน-หยุดกดขี่

10. วันนี้ดัชนีฯ ปิดที่ 764.21+6.80 (+0.90%) มูลค่าการซื้อขาย 15,798.91 ล.

11. เพื่อไทยติวเข้ม กมธ.งบ ระบุตั้งงบส่อทุจริตเชิงนโยบาย-กระจุกตัว

12. "ภูมินทร์" ยื่นหนังสือลาออกรองโฆษกรัฐแล้ว ชี้นายกฯ ภาพพจน์แย่ป้องภูมิใจไทย

13. "ทักษิณฯ" ทวีต ซัดผบ.ทบ.บาปหนัก สั่งทหารยิงม็อบ-ขัดขวางจนท.ไม่ให้ดับไฟ

------------------------------------------------------------------------------------------------

"สุรชัย" เตือนรบ.เตรียมตัวให้ดี


TPNews, 2010-06-09 01:08:00

นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ แกนนำแดงสยาม กล่าวเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ถึง กรณีที่รัฐบาลยังคงยืนยันมีความจำเป็นที่ต้องคงการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเอาไว้ก่อน พร้อมทั้งให้ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ติดตามการเคลื่อนไหวการชุมนุมทางการเมืองโดยตลอดว่า ก็ประกาศตลอดไปเสียเลย เท่ากับเป็นการบังคับให้คนเข้าป่าไปเรื่อยๆ คนไม่รู้จะไปไหน ก็ไปรวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมที่กลัวนักกลัวหนาว่าเป็นกองกำลัง ผมว่ามันต้องเกิดอย่างแน่นอน แต่จะเมื่อไรนั้นตอบไม่ได้ การรวมตัวนี้เขาจะไม่รวมตัวในบ้านเราแน่นอน จะที่ไหนก็แล้วแต่จะมีใครสนับสนุนบ้างก็ไม่รู้ เพื่อนบ้านที่ไม่ชอบเราก็มี รอแต่จังหวะ ใครจะกล้าประกาศตัวว่าสนับสนุนกองกำลังนี้ล่ะ

นายสุรชัยกล่าว ได้มีการพูดคุยกันว่าหากมีการประกาศ พรก.ฉุกเฉินยาว พวกเราก็จะทำบุญใหญ่อุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิต แล้วก็จะมีการปราศรัยทางการเมืองบ้างนิดหน่อย เพื่อเรียกขวัญกลับคืนมา เพื่อให้พวกเขาอยู่กับที่ ไม่ต้องการให้พวกเขาต้องแตกกระจายหาหลักไม่ได้ คนเราเมื่อหาที่พึ่งไม่ได้ก็เคว้งคว้าง ผมตั้งใจว่าในเร็วๆนี้จะทำบุญใหญ่กันที่นครศรีธรรมราช สุราษฏร์ธานี ราชบุรี หรืออีกหลายๆ ใช้พื้นที่ที่ไม่ต้องมี พรก.ก็เท่านั้น ทำบุญ กินข้าวด้วยกัน เรียกขวัญกลับมา แต่ไม่ใช่รวมตัวเพื่อก่อการร้ายใต้ดินอย่างที่คิด

“วันนี้ต้องขอขอบคุณรัฐบาลที่พยายามไล่จับคน ปราบปรามคนเสื้อแดง ทำให้กระจัดกระจายตั้งเป็นก๊กเป็นเหล่า ตอนนี้ก็เกิดมาแล้ว รัฐบาลแก้ปัญหาไม่ได้ แนวทางคือ แดงสยามจะต้องเป็นตัวชี้ให้เห็นแนวทางการเปลี่ยนถ่ายอย่างสันติ ไม่ให้สถานการณ์ร้ายจนเกินไป รัฐบาลชุดนี้ปราบปรามแล้วจะเป็นรัฐบาลปรองดองไม่มีในโลก ปราบเอง จับเอง ปรองดองเองไปเอาทฤษฎีมาจากไหน ฟันธงรัฐบาลชุดอภิสิทธิ์อยู่ไม่ทันข้ามปี”

นายสุรชัย กล่าวต่อว่า กลุ่มที่จะทำให้เกิดความสงบได้วันนี้คือแดงสยาม เพราะกลุ่มตนมีประสบการณ์ นุ่มลึกไม่ใช่วัยรุ่นใจร้อน มีเหตุมีผล เราเคยผ่านบทเรียนความรุนแรง เราต้องการใช้ทฤษฎีเปลี่ยนผ่าน คนที่หนีเข้าป่าสุดขั้วอยู่แล้ว ฝ่ายรัฐวันนี้ไม่มีทางไม่ได้รับความเชื่อถือ การที่ผมจะออกมาตั้งเวทีวันนี้ก็ออกมาปราบพวกคุณไม่เข้าใจ การันตีกองกำลังเกิดขึ้นแน่เตรียมตัวให้ดี

----------------------------------------------------------------------------------
ฝากประชาสัมพันธ์ต่อ :
TPNews (Thai People News): ข่าวสารสำหรับผู้รักประชาธิปไตย โดยทีมงานเสื้อแดง เที่ยงตรง ไม่บิดเบือน ส่งตรงถึงมือถือทุกวัน สมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน พิมพ์ PN ส่งมาที่เบอร์ 4552146 ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน (เฉพาะ DTAC 30 บาท/เดือน) Call center: 084-4566794-6 (จ.- ศ. 9.30-17.30 น.)

----------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : มติชนออนไลน์

"ฮิวแมนไรท์วอทช์" สอบเสื้อแดงเหตุสลายชุมนุม ข้องใจ 6 ศพ


TPNews, 2010-06-09 00:57:13

นายสุณัย ผาสุข ที่ปรึกษาฮิวแมน ไรท์ วอทช์ ประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าพูดคุยสอบถามญาติผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กว่า 50 คน โดยประสานผ่านพรรคเพื่อไทย ว่า การเข้ามาพูดคุยกับญาติและผู้อยู่ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงวันนี้เราเน้นผู้อยู่ในเหตุการณ์ที่บริเวณวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ถนนพระราม 1 และที่แยกเฉลิมเผ่า เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งสาเหตุที่เราเน้นพื้นที่บริเวณวัดปทุมฯนั้น เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีคนตายเกิดขึ้นทั้งที่เป็นปลอดภัย เป็นเขตอภัยทาน จึงไม่ควรมีเหตุการณ์รุนแรงหรือมีคนตาย ที่สำคัญเกิดขึ้นหลังจาก นปช.ได้ประกาศยุติชุมนุมแล้ว จึงมีความน่าสนใจมากว่า มีคนตายเกิดขึ้นได้อย่างไร ตายที่ไหน ข้างในหรือนอกวัด เวลาใด ทั้งหมดจะต้องมีข้อเท็จจริงออกมา ทั้งนี้เราให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างมาก ทางสำนักงานใหญ่ของฮิวแมน ไรท์ วอทช์ จึงได้ส่งทีมสวบสวน ซึ่งเป็นชาวต่างชาติลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย

นายสุณัย กล่าวว่า เราคงต้องใช้เวลาในการรวบรวมข้อเท็จจริงสักระยะ โดยจะต้องมีการสอบถามข้อเท็จจริงจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ กลุ่มคนเสื้อหลากสีเพราะเขาได้รับผลกระทบเช่นกัน หรือคนที่ไม่เกี่ยวกับการชุมนุมแต่ได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์เราก็ต้องคุย ซึ่งเรายินดีที่จะแบ่งปันข้อเท็จจริงให้กับทุกองค์กรไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน องค์กรอิสระ เอ็นจีโอ เพื่อที่จะได้ตรวจสอบความจริงร่วมกัน

นอกจากนี้ ในส่วนของคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.- 19 พ.ค. ที่ล่าสุดรัฐบาลได้แต่งตั้ง นายคณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุด เป็นประธานคณะกรรมการฯ เราก็ยินดีที่ให้ข้อมูลเช่นกัน เพื่อจะได้เป็นการตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้านที่สุด ซึ่งตนก็รอดูอยู่ว่าคณะกรรมการฯ จะมีใครร่วมบ้าง อย่างไรก็ตาม ตนยินดีที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศว่าจะไม่นิรโทษกรรมให้กับเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำความผิด ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เราก็รอดูอยู่ว่ารัฐบาลจะทำได้จริงหรือไม่

เมื่อถามว่าเกรงหรือไม่ว่าผลสอบข้อเท็จจริงของฮิวแมน ไรท์ วอทช์จะถูกนำไปใช้ในทางการเมือง นายสุณัย กล่าวว่า เราก็กังวลเช่นกัน ดังนั้นการทำงานจึงต้องทำให้รอบด้านที่สุด พูดคุยหาข้อมูลจากทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายนปช. รัฐบาล และผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งหมด เพื่อเป็นเกราะป้องกันว่าเราทำงานตรงไปตรงมามีอิสระและเป็นกลาง

---------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : เนชั่นทันข่าว

ศาลให้ประกัน "จตุพร-การุณ" ค่าตัวคนละ 1 ล้าน


TPNews, 2010-06-09 00:43:19

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 8 มิ.ย. ศาลมีคำสั่งให้ฝากขังครั้งแรก นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และนายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ผู้ต้องหาคดี เป็นผู้ใช้และสนับสนุนผู้อื่นกระทำผิดก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1 135/2 และ 135/3 ตามที่พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยื่นคำร้อง

นอกจากนี้ยังมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ภายหลังนางสุภาพ เพชรศรี ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 2 ล้านบาท และตำแหน่ง ส.ส. ของนายจตุพร และนายการุณ อัตราเงินเดือนคนละ 104,330 บาท 10 เท่า มูลค่า 1,043,300 บาท รวมทั้งสิ้น 4,086,600 บาท ยื่นขอประกันตัว ซึ่งศาลพิจารณาหลักทรัพย์แล้วตีราคาประกันตัวนายจตุพร และนายการุณ คนละ 1 ล้านบาท โดยศาลมีคำสั่งให้ทั้งสองมารายงานตัวอีกครั้ง 28 ก.ค.นี้ เวลา 09.00 น.

ภายหลังนายจตุพร กล่าวสั้นๆ ว่า ขอขอบคุณศาลที่อนุญาตปล่อยชั่วคราว โดยไม่กำหนดเงื่อนไขใดๆ ซึ่งหลังประกันตัวตนจะปฏิบัติตัวอย่างไรนั้นตนรู้ดี ที่ผ่านมาตนเองแสดงเจตนามาโดยตลอดว่าจะเข้ามอบตัวต่อสู้คดีและไม่หลบหนี

ด้านนายคารม พลทะกลาง ทนายความ กล่าวว่า วันนี้ นายจตุพร และนายการุณ ได้รับทราบข้อกล่าวหาทุกข้อหาของพนักงานสอบสวนดีเอสไอเรียบร้อยแล้ว โดยศาลพิจารณาจากหลักทรัพย์ที่ยื่นประกันตัว พฤติการณ์ในคดีว่าจะหลบหนีหรือไม่ จะไปข่มขู่ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือไม่ รวมทั้งการตั้งข้อหาก่อการร้าย , มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป และยุยงปลุกปั่นให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 และ 116 ที่พนักงานสอบสวนดีเอสไอดำเนินการก็ได้รับประกันทั้งหมดโดยศาลไม่ได้เปิดไต่สวน แต่พิจารณาดูจากเอกสารเพียงอย่างเดียว ซึ่งการให้ประกันตัวตนเข้าใจว่า ศาลอาจจะมองว่านายจตุพร เข้าพบพนักงานสอบสวนมาโดยตลอด และมาศาลตามหมายเรียก แม้แต่หลังเลิกชุมนุมก็ไปพบพนักงานสอบสวน และยังมีเหตุผลที่เชื่อว่าเราไม่ข่มขู่พยาน ไม่หลบหนี ไม่ไปทำความผิดระหว่างการให้ประกันตัว โดยทั้งสองได้ปฏิเสธไม่คิดว่าจะกระทำผิดฐานก่อการร้าย ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องต่อสู้ในกระบวนการของศาลต่อไป อย่างไรก็ตามข้อหาก่อการร้ายตนไม่รู้สึกกังวล และจะไม่ฟ้องกลับ หากคิดฟ้องกลับจะต้องมีหลักฐานที่มีน้ำหนักพอที่จะสามารถดำเนินการฟ้องร้องได้

ส่วนกรณีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายวีระ มุสิกพงศ์ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง น.พ.เหวง โตจิราการ และแกนนำ นปช. คนอื่นๆ ที่ตกเป็นผู้ต้องหา ตามความผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หากพ้นครบกำหนดคุมตัว 30 วันแล้วจะต้องมาฝากขังต่อที่ศาลอาญานั้น นายคารม ทนายความ กล่าวว่า ก็จะใช้หลักทรัพย์เงินสด 1 ล้านบาทในการยื่นประกันตัว ส่วนจะได้ประกันตัวหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล โดยคาดว่าน่าจะเป็นบรรทัดฐานใกล้เคียงกับนายจตุพร และนายการุณ

เมื่อถามว่า หลังจากนี้นายจตุพร และนายการุณ ยังสามารถแสดงความคิดเห็นทางการเมืองได้หรือไม่ นายคารม ทนายความ กล่าวว่า หากไม่ผิดกฎหมาย สามารถทำได้ตามสมควรเพราะเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ โดยตนเชื่อว่าทั้งสอง มีดุลพินิจที่จะดำเนินการว่าเหมาะสมหรือไม่ในช่วงที่มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งจะต้องไม่ไปยุยงปลุกปั่น อย่างไรก็ดีอยากบอกกับพี่น้องเสื้อแดงว่า ขอให้ช่วยกันทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังได้รับการประกันตัว นายจตุพร และนายการุณ ได้ออกมาทักทายกับกลุ่มประชาชนที่มาให้กำลังใจ โดยมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ขณะที่กลุ่มประชาชนต่างตะโกนโห่ร้องด้วยความดีใจ และมอบดอกไม้เพื่อเป็นกำลังใจให้ ก่อนที่นายจตุพร และนายการุณ จะขึ้นรถเดินทางออกจากศาลอาญา โดยไม่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนแต่อย่างใด

ด้านพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร. เปิดเผยว่า กรณีการควบคุมตัวผู้ต้องหาตามพรก. ฉุกเฉิน นั้น เราสามารถควมคุมได้ภายในระยะเวลา 30 วัน แต่หากพบว่าบุคคลที่ถูกควบคุมมีการกระทำผิดซึ่งหน้า เช่น พกพาอาวุธปืน ระเบิด หรือกระทำการใดโดยผิดกฎหมายซึ่งหน้า เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะแจ้งข้อกล่าวหาและส่งศาลทันที หากศาลตัดสินว่ามีความผิด บุคคลนั้นต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหายทันที โดยจะถูกส่งตัวไปคุมขังในเรือนจำเหมือนคดีอาญาทั่วไป

"ดังนั้นหากพบว่าผู้ถูกควบคุมตาม พรก. ถูกดำเนินคดีและส่งตัวไปอยู่ในเรือนจำ นั้นหมายความว่าบุคคลนั้นๆ ได้กระทำความผิดตามกฎหมายคดีอาญา " พล.ต.อ.ปทีป กล่าว

----------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : คมชัดลึก

อสส.ตีกลับสำนวนยุบปชป. หลักฐานไม่พอยื่นศาลรธน.


TPNews, 2010-06-09 00:31:01

นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง เปิดเผยเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ว่า ขณะนี้สำนักงาน กกต.ได้รับหนังสือจากอัยการสูงสุด (อสส.) แจ้งว่ากรณี กกต.ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยยุบพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่ถูกกล่าวหารับเงินบริจาค 258 ล้านบาท จากบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ที่อาจเป็นนิติกรรมอำพราง ซึ่งอาจกระทำการฝ่าฝืนมาตรา 94 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองว่า หลักฐานที่ กกต.ส่งมายัง อสส.นั้นไม่เพียงพอต่อการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรค ตามมาตรา 95 ของพ.ร.บ.พรรคการเมืองได้ จึงขอให้กกต.ตั้งคณะทำงานร่วม โดยมีผู้แทนของ อสส.และนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีการแต่งตั้งคณะทำงาน ซึ่งที่ประชุมกกต.จะต้องมีการพิจารณาและตั้งคณะทำงานร่วมกันตามที่อสส.เสนอ ซึ่ง อสส.ได้ส่งผู้แทนมา 7 คนเป็นระดับอธิบดีและรองอธิบดี ขณะที่ผู้แทนนายทะเบียนพรรคการเมืองก็จะเสนอเท่ากัน

"เรื่องนี้ไม่ได้แปลกอะไร เพราะการเสนอยุบพรรคของ กกต.ที่ผ่านมา เมื่อ อสส.ก็เคยส่งเรื่องกลับมาให้นายทะเบียนพรรคการเมืองตั้งคณะทำงานร่วมโดยใช้เวลาพิจารณาใน 1 เดือน ถ้าคณะทำงานร่วมไม่อาจหาข้อยุติได้ก็เป็นอำนาจที่นายทะเบียนพรรคการเมืองจะต้องขอความเห็นชอบจากกกต.ในการยื่นร้องต่อศาลต่อไป แต่ถ้าคณะทำงานร่วมเห็นควรฟ้องศาลก็เป็นหน้าที่อสส.ในการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ยืนยันว่าการสอบสวนในชั้น กกต.ที่ให้ยุบ ปชป.นั้น กกต.เห็นว่าหลักฐานชัดเจนแล้ว" นางสดศรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนี้เป็นการดึงเวลาในการยุบพรรคหรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า คงไม่พูดในลักษณะนั้นแต่กฎหมายได้ให้อำนาจ อสส.ในการที่จะขอตั้งคณะทำงานร่วมได้ ซึ่งอสส.อาจจะมองว่า การยุบพรรคเป็นเรื่องละเอียดอ่อนจึงควรทำให้รอบคอบ และถ้าไปรีบร้อนฟ้องก็จะไม่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษก พท. และนายเกียรติ์อุดม เมนะสวัสดิ์ ส.ส.อุดรธานี พท. ในฐานะผู้ยื่นคำร้องขอให้กกต.ยุบ ปชป. เข้ายื่นหนังสือต่อประธานศาลรัฐธรรมนูญ ผ่านนายสนิท จรอนันต์ ที่ปรึกษาสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อคัดค้านการทำหน้าที่องค์คณะตุลาการในการวินิจฉัยยุบ ปชป.ของนายวสันต์ สร้อยวิสุทธิ์ และนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตามข้อกำหนดของศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยการพิจารณาและการทำคำวินิจฉัย พ.ศ.2550 ข้อ 10 และ13

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า การยื่นคัดค้านในครั้งนี้มีข้อมูลว่า นายวสันต์ เคยเป็นทนายความในสำนักงานทนายความของ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ที่เป็นสำนักงานเดียวกับนายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ทนายความของ ปชป.ที่รับผิดชอบคดีดังกล่าว ดังนั้นนายวสันต์และนายบัณฑิต ย่อมมีความรู้จักสนิทสนามในความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ยังมีข้อมูลที่ต้องตรวจสอบว่า วันที่ผู้แทน ปชป.เข้ายื่นคำร้องขอขยายเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา นายวสันต์ได้เชิญผู้แทนของ ปชป.เข้าไปพูดคุยในห้องทำงานเป็นการส่วนตัวจริงหรือไม่

"ส่วนนายจรัญ เคยมีข่าวว่า เข้าประชุมที่บ้านพักของนายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา ก่อนที่จะมีการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ซึ่งพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิก พท. เคยให้สัมภาษณ์ว่า การพูดคุยครั้งนั้นมีการพูดคุยถึงการรัฐประหารด้วย และหลังจากการยึดอำนาจนายจรัญ ได้ไปร่วมแสดงความยินดีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่สามารถโค่นล้มพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และหลังจากนั้นนายจรัญ ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งที่ผ่านมานายจรัญยังมีทัศนคติที่เป็นปฏิปักษ์กับพ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นขั้วการเมืองตรงกันข้ามกับ ปชป.

ดังนั้นบุคคลทั้ง 2 จึงไม่สมควรนั่งเป็นตุลาการในการพิจารณาคดียุบ ปชป."นายพร้อมพงศ์ กล่าว และว่า คดียุบ ปชป.เป็นคดีใหญ่ และประชาชนให้ความสนใจทั้งประเทศ ดังนั้นตุลาการที่ทำการพิจารณาก็ต้องมีความสง่างามและน่าเชื่อถือ ที่ผ่านมานายเฉลิมพล เอกอุรุ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็ยังถอนตัวแล้ว ดังนั้นนายจรัญและนายวสันต์ ก็ควรถอนตัว เพื่อสร้างบรรทัดฐานในการพิจารณาคดี

ขณะที่นายวสันต์ กล่าวว่า เป็นดุลพินิจขององค์คณะตุลาการจะพิจารณาว่า จะเห็นชอบให้ถอนตัวหรือไม่ เพราะโดยส่วนตัวก็อยากจะถอนตัวเหมือนกัน แต่ก็ต้องแล้วแต่ที่ประชุมหากที่ประชุมไม่ให้ถอนก็ต้องทำหน้าที่ต่อ ผู้สื่อข่าวถามว่า พท.อ้างว่าได้เชิญตัวแทน ปชป.เข้าพบที่ห้องทำงานส่วนตัว นายวสันต์ กล่าวว่า ไม่มี ตนไม่ได้อยู่ในวันที่ ปชป.มายื่นคำชี้แจงในวันที่ 26 พฤษภาคม โดยเดินไปประเทศเกาหลีในช่วงวันที่ 23-27 พฤษภาคม ซึ่งมีหลักฐานเป็นหนังสือเดินทาง(พาสปอร์ต) หากไม่เชื่อมาดูได้ ดังนั้นข้อกล่าวหาจึงเป็นเรื่องเท็จและโกหกโดยสิ้นเชิง ไม่รักษาศีลข้อ 4 ยืนยันว่า ไม่เคยพบกับ ปชป.ตั้งแต่พิจารณาคดีนี้

"ผมเป็นผู้พิพากษาตั้งแต่ปี 2516 เป็นต้นมา ยอมรับว่าเคยทำงานเป็นทนายความในสำนักงานของม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมชในปี 2510-2516 และผมก็ไม่เคยเป็นสมาชิก ปชป.จึงไม่ซีเรียส ส่วนนายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ทนายความของ ปชป.ก็เป็นรุ่นพี่ขณะที่ผมเป็นทนายฝึกหัด แต่เจอกันได้สักระยะนายบัณฑิตก็ไปต่างประเทศ เมื่อกลับมาผมก็ไปเป็นผู้พิพากษาแล้ว" นายวสันต์ กล่าว

รายงานข่าวจากสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญแจ้งว่า สำหรับคำร้องคัดค้านนายวสันต์และนายจรัญนั้น ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 9 มิถุนายนนี้ จะหยิบยกคำร้องดังกล่าวมาพิจารณาว่า จะเห็นชอบโดยใช้มติเสียงข้างมากให้ตุลาการทั้งสองถอนตัวออกจากการพิจารณาคดีหรือ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์ ถึงคดีรถยนต์ของพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถูกทุบรถและฉกข้อมูลคดียุบ ปชป.ว่า กกต.ยืนยันว่าข้อมูลที่ถูกขโมยไปนั้นไม่มีผลต่อรูปคดี ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงหรือไม่ว่าจะมีการนำข้อมูลในคอมพิวเตอร์ไปแก้ต่าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่ามีข้อมูลอะไรอย่างไร โดยเฉพาะข้อมูลของทางดีเอสไอ

"ผมคิดว่าข้อมูลไหนที่อยู่กับทางดีเอสไอ ทาง กกต.เขาก็ใช้ในการเสนอยุบ ปชป.ไปแล้ว เรื่องนี้ ทางพรรคคงไม่จำเป็นต้องส่งเอกสารการชี้แจงใหม่ เพราะทาง กกต.เขาดำเนินการไปแล้ว"นายอภิสิทธิ์ กล่าว

-----------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : มติชนออนไลน์

ปชป.ยังป่วน"ไพฑูรย์"วางมือเป็นแม่ทัพสู้ศึกเลือกตั้ง


นายนราพัฒน์ แก้วทอง ส.ส.พิจิตร ปชป. บุตรชายนายไพฑูรย์ แก้วทอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า นับแต่วันเกิดเรื่องนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ไม่ได้เดินทางมาหานายไพฑูรย์แม้แต่ครั้งเดียว แต่จะโทรศัพท์คุยกันหรือไม่ ไม่ทราบ จากนี้ไปนายไพฑูรย์จะขอพักผ่อน วางมือจากการเป็นแม่ทัพสู้ศึกเลือกตั้งในภาคเหนือ ขอเป็นแค่ ส.ส.เพียงอย่างเดียว ที่วางแผนกันไว้ คงจะต้องให้ผู้มีอำนาจ รองหัวหน้าพรรค หรือกรรมการบริหารคนอื่นมาสานต่อ

"เรื่องที่เกิดน่าจะเป็นอุทธาหรณ์ให้กับผู้บริหารพรรค ว่าสำหรับผู้อาวุโส น่าจะเห็นหัวกันบ้าง พวกผมเข้าใจว่านายกรัฐมนตรีทำงานหนักและเครียดจึงอาจไม่ได้คิด กรณีที่มีข่าวว่าคุณพ่อจะย้ายพรรค ความจริงเป็นเรื่องในอนาคตที่ไม่มีใครตอบได้ เพราะขณะนี้ ปชป.ยังมีคดียุบพรรคอยู่ ถ้าพรรคถูกยุบอาจมีคนย้ายไป ปชป.2 หรือย้ายไปพรรคอื่นก็ได้ อย่างไรก็ตาม หลังคุณพ่อถูกปลด ทำให้คนที่ชักชวนและพาไปพบเลขาฯปชป.แล้ว 10 กว่าคน ทั้งอดีต ส.ส. นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และคนมีชื่อเสียงคงไม่มาอีกแล้ว" นายนราพัฒน์กล่าว

นายนคร มาฉิม ส.ส.พิษณุโลก ปชป.กล่าวว่า ปัญหาการปรับนายไพฑูรย์ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานยุติแล้ว อดีตก็คืออดีต ขณะนี้สิ่งที่สำคัญกว่า คือการโหวตรับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2553 ทุกคนจึงต้องหันมาร่วมมือร่วมใจกัน ทั้งนี้ยังยืนยันว่าจะเดินทางไปพบนายสุเทพที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 9 มิถุนายนตามเดิม แต่คงไม่ถามเหตุผลการปลดนายไพฑูรย์แล้ว แต่จะคุยเรื่องอื่น

นายศุภชัย ศรีหล้า ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ว่า นอกจากนายนิคม เชาวกิตติโสภณ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ที่เทใจสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ขณะนี้มี ส.ส.อีสานของพรรคเพื่อไทย มาเลียบๆ เคียงๆ ถามถึงความเป็นไปได้ที่จะมาอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ไม่ต่ำกว่า 20 คน เพราะหลังเกิดเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ทำให้ ส.ส.เหล่านั้นถูกชาวบ้านต่อว่ามาก

"คนที่โทรศัพท์มาหาผมส่วนใหญ่นอกจากคุยเรื่องย้ายพรรคแล้ว ยังบ่นอย่างอึดอัดถึงการทำงานในพรรคเพื่อไทย ที่ขณะนี้ไม่มีสภาพความเป็นพรรคการเมือง เอาแต่ฟังคำสั่งจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่รู้ว่าจะพาเดินไปสู่ทางตันเมื่อไร" นายศุภชัยกล่าว และว่า กระแสพรรคประชาธิปัตย์ในอีสานขณะนี้แรงมาก จึงเชื่อว่าในภาคอีสานจะได้ ส.ส.เพิ่มจากเดิม 13 คน เช่น จ.อุบลราชธานี ที่น่าจะได้เพิ่มจาก 3 เป็น 6 คน อำนาจเจริญน่าจะได้มากกว่า 1 คน ส่วนยโสธรน่าจะรักษาเก้าอี้ไว้ได้

9 มิ.ย. 53

---------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : มติชนออนไลน์

วันอังคารที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2553

กองทัพแก้วิกฤติ รุดแจงข้อเท็จจริงยิง 6 ศพ


เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้ใช้เวลาตลอดทั้งวันในการประชุมและพูดคุยกับผู้ใต้บังคับบัญชาเกี่ยวกับสถานการณ์ ที่กองทัพบกได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับ ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. เพื่อแก้ไขสถานการณ์วิกฤติที่เกิดขึ้นจากการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.

โดยในช่วงเช้า ได้มีการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก จากนั้นในช่วงบ่ายได้มีการประชุมนายทหารระดับผู้บังคับกองพัน ผู้บังคับการกรม ผู้บัญชาการกองพล ฝ่ายอำนวยการ จำนวนกว่า 600 นาย ที่หอประชุมกิตติขจร โดยมี 5 เสือทบ.เข้าร่วม ประกอบด้วยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ. พล.อ.ธีระวัฒน์ บุญยะประดับ ผช.ผบ.ทบ. พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผช.ผบ.ทบ. พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสธ.ทบ. โดยใช้เวลากว่า 2 ชม. นอกจากนั้น ในช่วงเย็น ได้มีการประชุม ศอฉ. ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานด้วย

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ในการประชุมนายทหารระดับผู้บังคับกองพันขึ้นไป ที่มีขึ้นในช่วงบ่าย ผบ.ทบ.ได้ลำดับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และอธิบายการจัดกำลังทหารในการเข้าไปปฏิบัติหน้าที่แต่ละจุด รวมถึงการปฏิบัติการต่างๆ พร้อมทั้งได้เล่าข้อเท็จจริงที่มีบางฝ่ายนำไปบิดเบือนให้เข้าใจว่า การทำงานของทหารในความเป็นจริงมีความจำเป็นเช่นใด โดยข้อมูลเหล่านี้ในส่วนของกองทัพบกจะประมวลให้กับเจ้าหน้าที่ หรือวิทยากร ที่จะลงไปทำความเข้าใจกับชาวบ้านได้รับทราบ ซึ่งวิทยากรเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของ กอ.รมน. ที่เคยลงไปในพบปะประชาชน ในโครงการกู้วิกฤตเศรษฐกิจตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ใช่กำลังพลในพื้นที่

ดังนั้นข้อมูลเหล่านี้ จะมาจากส่วนกลาง จากเจ้าหน้าที่ที่เข้าใจสภาพปัญหา และ ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เมื่อไปพบกับชาวบ้านก็ต้องตอบคำถาม และให้ข้อมูลที่ถูกต้องกลับไปว่าความจำเป็นที่เราเข้าไปปฏิบัติหน้าที่แก้ไขปัญหาของประเทศคืออะไร

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ ที่ผ่านมามีความพยายามบิดเบือนว่าทหารต้องการทำร้ายประชาชน นอกจากนั้น ยังได้อธิบายข้อมูลเกี่ยวกับโครงการจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพหลังจากที่มี การนำประเด็นดังกล่าวไปอภิปรายในสภาฯ เช่น โครงการจัดหาอุปกรณ์ตรวจการณ์ทางอากาศในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (เรือเหาะ) โครงการจีที 200 และ โครงการจัดหารถหุ้มเกราะล้อยางจากยูเครน ซึ่งโครงการเหล่านี้ท่านได้เล่าถึงความจำเป็นในการจัดหา และ การดำเนินการต่างๆ ที่กองทัพบกได้ทำมา ซึ่งข้อกล่าวหาเรื่องงบประมาณต่างๆ เรามีหน่วยงานที่ตรวจสอบในการจัดหาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น การจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพยังมีความโปร่งใส

มีรายงานว่า ในที่ประชุม พล.อ.อนุพงษ์ ได้เล่าให้ฟังถึงการวางแผนยุทธการ ในการเข้าไปจัดวางกำลัง และ การปฏิบัติการทางทหาร โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาบริเวณสี่แยกคอกวัว และ หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ซึ่งในครั้งนั้นถือว่ามีกำลังพลที่สูญเสีย และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก วันนั้นเราไม่ได้เตรียมชุดระวังป้องกัน เพราะไม่ได้ประเมินว่าฝ่ายนั้นจะใช้อาวุธหนัก คำสั่งคือเราไม่ให้ใช้อาวุธ ทำให้เราถูกกระทำฝ่ายเดียว

นอกจากนั้น ในการปฏิบัติการทางทหารในวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ก็ถือเป็นหน้าที่ และ การดำเนินการต่างๆ ได้ยึดหลักตามกฎหมายทุกประการ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่วัดปทุมวนาราม ได้มีการสอบถามหน่วยที่ปฏิบัติแล้วทั้งหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ และ กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ซึ่งทั้งสองหน่วยยืนยันว่าไม่ได้มีการยิงเข้าไป โดยเวลาที่มีผู้เสียชีวิตนั้น ไม่มีกำลังพลของเราอยู่บริเวณนั้น ซึ่งขอให้ พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผบ.พล.1 รอ.ได้ยืนยันด้วย ทำให้ พล.อ.กัมปนาท ได้ยืนยันกับที่ประชุมว่า “ทหารไมได้เป็นคนทำ”.

----------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์