Jakrapob-รำลึกวีรชน19พ.ค.-ราชประสงค์

วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เฉลิม ชำแหละงบกลางปี ย้ำผลประโยชน์ต่างตอบแทน



by TPNews, 2011-02-16 22:57:28


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาวาระเรื่องด่วน ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2554 (งบกลางปี) ช่วงบ่ายวานนี้ (16ก.พ.54) ยังเป็นการสลับกันอภิปรายระหว่างส.ส.รัฐบาลและฝ่ายค้านเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณตามร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ โดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การจัดทำงบประมาณกลางปีครั้งนี้มีข้อบกพร่องด้วยกัน 5 ข้อ ได้แก่

1.รัฐบาลบิดเบือนข้อมูลตัวเลขโดยเฉพาะการจัดเก็บรายได้จากภาษีของประชาชน

2.ไม่เป็นตามหลักเศรษฐศาสตร์ทั้งที่มีแนวโน้มเงินเฟ้อถึง 3-5%

3.เป็นการนำเงินในอนาคตมาใช้และขาดรายละเอียดของโครงการ

4.ไม่มีงบประมาณการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งที่การช่วยเหลือปัญหาภัยพิบัติสามารถเอางบประมาณส่วนอื่นๆ มาเกลี่ยได้

5.เป็นการทำงบประมาณเพื่อผลประโยชน์ต่างตอบแทนเป็นไปเพื่อหาเสียงเลือกตั้ง และจัดตั้งรัฐบาลล่วงหน้า อย่างเช่นการดำเนินการให้เบี้ยยังชีพคนชราและคนพิการเป็นการเอาใจพรรคภูมิใจไทย ทั้งที่ควรให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มากกว่า

"รัฐบาลชุดนี้มีอำนาจพิเศษมองเห็นว่าไม่มีใครล้มล้างได้ เพราะมีตัวช่วยเยอะเลยทำให้เอกชนมีความเชื่อมั่น ไม่เหมือนรัฐบาลผมไม่มีทำเนียบรัฐบาลให้ทำงาน ทำให้นักธุรกิจไม่กล้าลงทุน ดังนั้น เศรษฐกิจที่ดีขึ้นไม่ได้จากตัวรัฐบาลเองแต่มาจากความเข้มแข็งของภาคเอกชน เป็นผลให้คนว่างงานลดลงเพราะภาคเอกชนแข็งแรงมีกำลังในการจ้างงาน ไม่ใช่มาจากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ส่วนเกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้นไม่ได้มาจากรัฐบาล อย่างเช่นยางพาราก็มาจากปัญหาน้ำท่วมทำให้ผลผลิตขาดแคลนและราคาสูงขึ้น" ร.ต.อ.เฉลิม อภิปราย

ร.ต.อ.เฉลิม อภิปรายต่อว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่มีการกระตุ้นเศรษฐกิจ สะท้อนถึงความไม่พร้อมของรัฐบาล ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ ในกรณีที่รัฐบาลประกาศได้สนับสนุนงบประมาณ 200 ล้านบาทให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อลดปัญหาอาชญากรรมให้ได้ 20% ถ้ารัฐบาลคิดอย่างนี้มันเชยไม่รู้เรื่อง เพราะการบังคับใช้กฎหมายไม่ต้องเป็นนโยบาย เป็นการฟ้องในตัวว่ารัฐบาลล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจเพราะเศรษฐกิจ ปัญหาอาชญากรรมคงลดลงในตัวเองโดยที่รัฐบาลไม่ต้องมีนโยบายออกมา

"การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลเป็นไปได้อย่างยากลำบากมากเพราะฐานของการจัดเก็บภาษียังมีความเหลื่อมล้ำมาก เนื่องจากประชากรทั้งประเทศ 61 ล้านคน มีเพียง 2.3 ล้านคนเท่านั้นที่จ่ายภาษีดูแลคนทั้ง 61 ล้านคน และ ใน 2.3 ล้านคนมี 2.4 พันคนที่จ่ายภาษีรวมกันเกิน 10 ล้านบาทต่อปี ถ้าฐานการจัดเก็บภาษียังเป็นแบบนี้ไม่มีทางที่รัฐบาลจะสามารถสร้างประเทศไทยเป็นรัฐสวัสดิการได้ เพราะประเทศไทยยังเป็นประเทศที่มีการกระจายรายได้ที่แย่ที่สุด และการจัดทำงบประมาณส่วนใหญ่รัฐบาลยังต้องกู้เงินอยู่เพื่อมาชดเชยงบประมาณ ที่ไม่สมดุล" ร.ต.อ.เฉลิม อภิปราย

ร.ต.อ.เฉลิม อภิปรายว่า ส่วนตัวเป็นห่วงประชาชนมากต่อการจัดสรรงบประมาณให้กับกระทรวงเพื่อนำลงไปในพื้นที่ในครั้งนี้ เพราะบรรดากระทรวงที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณส่วนใหญ่ ยังมีปัญหาเรื่องความโปร่งใสอย่างมาก เช่น กระทรวงคมนาคม มีการเรียกผลประโยชน์ และฮั้วกับผู้รับเหมาก่อสร้าง และการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง กระทรวงพาณิชย์ มีปัญหาเรื่องการทุจริตผลผลิตกทางการเกษตรจนปลดผู้บริหารบางคน กระทรวงมหาดไทยมีปัญหาแต่งตั้งผู้บริหารกระทรวงทุกระดับรวมไปถึงโครงการจัดซื้อจัดจ้างอีกจำนวนมาก

"การบริหารราชการของรัฐบาลชุดนี้มีปัญหาความโปร่งใสเป็นอย่างมาก สะท้อนได้จากผลสำรวจจากองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ พบว่ารัฐบาลชุดนี้มีดัชนีการทุจริตลำดับที่ 84 ซึ่งเป็นลำดับที่แย่กว่ารัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผมเชื่อว่าท่านนายกรัฐมนตรีไม่โกง แต่ผมไม่เชื่อว่าท่านไม่รู้" ร.ต.อ.เฉลิม อภิปราย

ร.ต.อ.เฉลิม อภิปรายด้วยว่า เช่นเดียวกับการแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มขาดตลาด ปรากฏว่ามีบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ของคนในรัฐบาลได้ประโยชน์ โดยการเอาน้ำมันปาล์มไปผลิตเป็นไบโออดีเซล พอน้ำมันปาล์มเหลือน้อยก็สั่งมาจากต่างประเทศ บริษัทที่ขายน้ำมันปาล์มเหล่านี้ก็จะมีกำไรรกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ในผลประกอบการ รัฐบาลนี้กินแบบนกกระจอก นกกระจิบ พญาอินทรีย์ รัฐบาลชุดนี้แบ่งระดับการกินคอร์รัปชั่นเหมือนสัตว์ทุกชนิด" ร.ต.อ.เฉลิม อภิปราย

ภายหลังจากร.ต.อ.เฉลิม ใช้อภิปรายนานกว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง ตอนนี้เป็นการชี้แจงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

ด้าน นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม กล่าวชี้แจงว่า ประเด็นที่พรรคเพื่อไทยมีการกล่าวหากระทรวงคมนาคมมากที่สุด คือ การจัดสรรงบประมาณซ่อมแซมถนนที่เสียหายจากอุทกภัยว่าทำไมถึงมีการจัดสรรงบประมาณซ่อมถนนที่ยังมีสภาพดีอยู่ ในประเด็นนี้ขอชี้แจงว่า การซ่อมถนนโดยปกติแล้วจะมีอยู่ 3 ระดับ คือ

1.ซ่อมปกติ คือ การตัดหน้าบำรุงผิวในส่วนนี้จะใช้งบประมาณ 60,000 บาทต่อ 1 กิโลเมตร

2. ซ่อมตามอายุการใช้งาน ถ้าทำภายใน 3 ปีจะใช้เงิน 800,000 บาทต่อ 1 กิโลเมตร แต่ถ้าเป็น 7 ปีจะใช้งบประมาณถึง 3 ล้านบาทต่อ 1 กิโลเมตร หากมากกว่านั้นจะใช้เงิน 5 ล้านบาท ดังนั้น เมื่องบประมาณไม่พอ การซ่อมแซมถนนจึงเลือกตามความจำเป็น

รมว.คมนาคม กล่าวชี้แจงต่อว่า ตอนเกิดเหตุภัยพิบัติน้ำท่วมกระทรวงคมนาคมได้ทำงานอย่างหนัก โดยเฉพาะกรมทางหลวงชนบท วันนี้ได้งบมา 2,000 กว่าล้านบาทก็ยังไม่พอ เพราะมีการประเมินความเสียหายมาแล้ว่ามากกว่า 4,000 ล้านบาท เช่นเดียวกับถนนในความดูแลรับผิดชอบของกรมทางหลวงเสียหายทั้งหมดทั่วประเทศ 9,000 กว่าล้านบาท

"นับตั้งแต่เข้ามาดำรงตำแหน่งจนมาถึงเหตุการณ์น้ำท่วม ปัจจุบันนี้ผมได้ให้นโยบายว่า ถ้าใครทุจริตต้องรับผิดชอบ ขอให้ไปตรวจสอบข้าราชการกระทรวงคมนาคมได้ทุกที่ และวันนี้งบประมาณกลางปีที่ได้มาก็น้อยไม่ได้เป็นการซื้อพรรคภูมิใจไทย" นายโสภณ กล่าว

นายโสภณ กล่าวชี้แจงว่า โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง(บางใหญ่-บางซื่อ) เป็นโครงการที่มีการทำทีโออาร์ก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามา ก่อนที่จะมาเปิดซองในรัฐบาลชุดนี้ และมีการเจรจาต่อรองจนสามารถลดราคาการก่อสร้างได้มากถึง 6,000 ล้านบาท ซึ่งถ้ามาดำเนินการเปิดประมูลกันในตอนนี้เชื่อได้เลยว่าจะต้องใช้เงินก่อสร้างมากกว่า 30,000 ล้านบาทแน่นอน

----------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : Spring News TV

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น