Jakrapob-รำลึกวีรชน19พ.ค.-ราชประสงค์

วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

"ป๊อก"ลั่นจับแล้วทีมขโมยอาร์พีจี โยนจนท.-คนนอก นายกฯ เชื่อฉกส่งขายนอก


by 
TPNews, 2010-09-23 01:05:12

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เตรียมยกเลิกประกาศใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ในบางพื้นที่อีก หลังจากขณะนี้ยังมีผลบังคับใช้อยู่ใน 7 จังหวัด ประกอบด้วย กทม. ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ อุดรธานี นครราชสีมา และขอนแก่น ซึ่งจะครบกำหนดบังคับใช้ 3 เดือน ในวันที่ 7 ตุลาคม โดยให้สัมภาษณ์ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 22 กันยายน ก่อนเดินทางไปร่วมประชุมสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ประเทศสหรัฐฯ ว่า รอให้ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) นำข้อเสนอไปที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเชื่อว่าจะไม่มีการต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินทั้งหมด คงมีการยกเลิกแต่จะมากน้อยแค่ไหนกำลังประเมินสถานการณ์ 

"ในพื้นที่ กทม.อยู่ในส่วนหนึ่งที่ต้องประเมิน ซึ่งการสรุปของ ศอฉ.ต้องทำก่อนวันที่ 5 ตุลาคม ฉะนั้น คงเสนอมาที่ผมในสัปดาห์หน้า คงดำเนินการได้ เนื่องจากวันที่ 4-6 ตุลาคม อยู่ต่างประเทศ คิดว่ายกเลิกบางส่วนแน่นอน บางพื้นที่ขณะนี้ที่มีรายงานมาน่าจะยกเลิกได้ บางพื้นที่ก็กำลังรอ อาจยังมีประเมินไม่ตรงกัน" นายกฯระบุ

ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ได้ย้ำ ศอฉ.ไปว่าวันที่ 5 ตุลาคมนั้น พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะครบตามกฎหมายคือ 3 เดือน จึงอยากให้กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) และฝ่ายข่าว ประเมินสถานการณ์แต่ละจังหวัดที่ยังคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วรายงานให้ทราบเป็นรายจังหวัดและรายภูมิภาค โดยสรุปวันสุดท้าย 4 ตุลาคม จะได้มีข้อมูลที่ถูกต้องในการรายงาน ครม.

ส่วนความคืบหน้าในการติดตามจรวดอาร์พีจีและเครื่องกระสุนปืนที่หายไปจากกองสรรพาวุธกลางที่ 2 กรมสรรพาวุธทหารบก จ.ลพบุรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) จ.นครนายก ว่า จากหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์สามารถจับตัวได้แล้ว ผู้ต้องสงสัยมีทั้งเจ้าหน้าที่ข้างในและคนข้างนอก ขั้นที่สองจะมีการสืบสวนว่ามีใครที่เกี่ยวข้องบ้าง อยากให้สืบสวนสอบสวนต่อไป ส่วนรายละเอียดต้องรอคณะกรรมการก่อน ซึ่งตนไม่ได้เข้าไปสอบด้วยจึงไม่รู้และตอบไม่ได้ว่าอาวุธที่หายไปนั้นขณะนี้อยู่ที่ไหน และมีการลักลอบไปอย่างไร

"เมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา ที่ประชุม ศอฉ.พูดถึงอาวุธที่หายไปว่าอาวุธดังกล่าวไปที่ไหน ยังไม่มีใครรู้ แต่การทำงานจะต้องสืบสวนสอบสวนก่อน ส่วนการป้องกันก็ดำเนินการไป ซึ่งสถานีตำรวจ 88 สถานี ต้องมีการเฝ้าระวังและเจ้าหน้าที่ส่วนต่างๆ ที่เป็นเจ้าหน้าที่พนักงานจะต้องช่วยกันดูแล รวมถึงเครือข่ายภาคประชาชนด้วย" ผบ.ทบ.กล่าว

พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า โทษของผู้ที่กระทำความผิดหนักอยู่แล้ว ถ้าทุจริตจะต้องโดนทั้งวินัยและอาญา แต่ถ้าผิดโดยไม่เกี่ยวข้องการทุจริต แต่เป็นการประมาทเลินเล่อ ก็จะมีบทลงโทษอีก สรุปแล้วต้องมีคนรับผิดชอบ ซึ่งที่ผ่านมาทุกเดือน ผมสั่งให้หน่วยทหารเข้มงวดเกี่ยวกับคลังอาวุธ รวมถึงการปกครองดูแลหน่วย แต่เมื่อตรวจสอบก็ไม่มีอาวุธภายในหน่วยทหารหาย แต่กลับเป็นหน่วยคลังแสง ซึ่งไม่ใช่เป็นหน่วยที่ใช้ แต่ถือเป็นลูกจ้างไม่ใช่หน่วยทหาร จะต้องไปดูระบบตรงนี้ว่ามีประสิทธิภาพอย่างไรในการให้ลูกจ้างมาดำเนินการดังกล่าว ทั้งนี้ การสืบสวนสอบสวนต่างกัน การที่จะนำอาวุธไปก่อการร้าย อย่างจรวดอาร์พีจี ถือว่าเป็นเหตุสามารถทำได้ แต่กระสุนปืนกล เอ็ม 60 เป็นไปไม่ได้ คิดว่าคงจะเป็นกรณีอื่น" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว

เมื่อถามว่า เชื่อมั่นหรือไม่ว่าอาวุธที่หายไปยังอยู่ในพื้นที่ จ.ลพบุรี พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ไม่ได้ไปนั่งสอบสวนด้วย ไม่รู้จะตอบอย่างไร และไม่มีประโยชน์หากไปเดา คงต้องรอการสืบสวนสอบสวนเท่านั้น 

ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการตรวจสอบอาวุธในคลังแสงที่ จ.ลพบุรี หายไปว่า กองทัพออกมาให้ข่าวแล้ว ส่วนที่มีระบุว่ามีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องด้วยต้องดำเนินการไป ส่วนจะเชื่อมโยงกับการค้าอาวุธข้ามชาติหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ต้องมีการขยายผล ทั้งนี้ไม่คิดว่ามีกรณีแบบนี้เพียงครั้งเดียว เพราะปัญหาลักษณะนี้พูดกันมานาน ซึ่งเมื่อเกิดเหตุขึ้นก็ไม่ได้มีการปิดข่าว เช่น กรณีอาวุธคลังแสงที่ จ.พัทลุง หายในช่วงชุมนุมทางการเมือง ก็ตรวจสอบและดำเนินการต่างๆ ได้ย้ำไปแล้วว่าต้องมีการหาผู้รับผิดชอบ ไม่เช่นนั้นปัญหานี้จะไม่จบ

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามีคนบางส่วนในกองทัพนำอาวุธไปขายอย่างต่อเนื่องใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่กล้าใช้คำว่าต่อเนื่อง แต่ถามว่ามีกรณีแบบนี้หรือไม่ ก็บอกว่ามีและเป็นเรื่องที่กองทัพต้องเข้มงวดมากขึ้น เมื่อถามว่า สรุปแล้วอาวุธที่หายไปนั้นถูกขายออกไปข้างนอก โดยไม่เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองภายในใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ข้อมูลเบื้องต้นที่มีการรายงานเข้ามาไปในทำนองนั้นแต่ยังไม่ได้สรุป เมื่อถามว่า ขายให้กับกัมพูชาใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ขอลงรายละเอียด

--------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : มติชนออนไลน์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น